
โอเค วันนี้คงจะต้องขอลาไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน แล้วพรุ่งนี้จะมาเล่าให้ฟัง
ขออวยพร วอนอ้าง คุณพระพุทธ ได้ปกป้อง ผองมนุษย์ โศกกษัย ขออ้างคุณ พระธรรม อันอำไพ ช่วยคุ้มสัตว์ ทั่วไป ไร้โรคา ขออวยพร วอนอ้าง คุณพระสงฆ์ ช่วยธำรง สุขสันต์ กันทั่วหน้า ข้าร่ำร้อง ลำนำ พร่ำภาวนา ทั่วโลกา สิ้นทุกข์ ผาสุกเอย ... ท่านพุทธาสภิกขุ....
San Ramon 13-15 February 2007
หายหน้าหายตาไปหลายวัน อาทิตย์ที่แล้ววันที่ 13-15 ก.พ. ก็ต้องเดินทางตามสามีไปทำงานอีกแล้ว เบื่อกับการขึ้นเครื่องบินมาก ๆ ต้องออกจากบ้านแต่เช้าเหมือนเคย แต่สามีขับรถไปเองไปจอดไว้ที่สนามบิน ที่นี่เวลาเราขับเราเข้าไปที่จอดรถเราจะต้องกดเอาบัตรจอดรถเอง จะไม่มีคนคอยบริการ แต่ตอนกลับจะมีคนคอยเก็บเงิน ก็ไปขึ้นเครื่องที่สนามบินเดิม ไปลงที่ สนามบิน Oakland ซึ่งอยู่ใน Sanfrancisco, California ใช้เวลาอยู่บนเครื่อง 3.5 ชม. พอไปถึงก็ต้องต่อแท็กซี่ไปโรงแรมประมาณ 40 นาที ไปพักที่ Marriot อยู่ในเมือง San Ramon จริง ๆ แล้วเราสามารถขับรถจากสนามบินไปถึงโรงแรมได้ภายใน 10 นาที แต่เนื่องจากต้องอ้อมเขา ทำให้เสียเวลา เมืองที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขา แล้วก็บ้านคนจะสร้างอยู่บนเขา เขาเล็ก เขาน้อย เขาใหญ่ ส่วนพื้นที่ราบส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งธุรกิจ ค้าขาย บ้านแต่ละหลังที่อยู่บนเขา ค่อนข้างหลังใหญ่ สามีบอกว่า แต่ละหลังราคาไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท แพงมากๆ ที่นี่อากาศก็คล้าย ๆ กับ คิงวูด คือค่อนข้างหนาว แต่ไม่หนาวจัด อุณหภูมิก็จะอยู่ประมาณ 2-10 องศา
ก็เหมือนเดิม สามีไปทำงานเราก็ไปเดินชอปปิ้ง มีห้างสาขาเดียวกันเลยกับที่คิงวูดส์ คือ Target ของส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ก็เดินไปเดินมาได้มา 2-3 ตัว กางเกงยีนส์ที่นี่เนื้อดีมาก ๆ เวลามันเซลล์ราคาก็ถือว่าไม่แพง ซื้อมาตัวนึง ราคาแค่ 800 บาท เนื้อผ้าคุณภาพดีมาก แล้วก็ทรงสวย สามีกลับมาตอนเย็นบอกว่าเป็นห่วงเธอมากไม่รู้ว่าจะอยู่คนเดียวได้รึเปล่า แต่ที่ไหนได้กลับมาเจอคุณนายช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้ามาเพียบ ฮิ ฮิ
แล้วก็ร้านหนังสือ ที่นี่ร้านหนังสือใหญ่มากมีหนังสือเยอะมาก เค้าจะมีจอคอมไว้ให้ค้นหาหนังสือ จะได้หาง่าย ก็สะดวกดี ไปนั่งอ่านยืนอ่านอยู่ครึ่งค่อนวัน พออ่านเสร็จก็กลับไม่ได้ซื้อออกมาซักเล่มเลย ตามสันดานงกเช่นเคย ส่วนคืนวันวาเลนไทน์ สามีก็บอกว่าจะพาไปรับประทานอาหารอย่างหรู และสุดแสนจะโรแมนติก วางโปรแกรมกันว่าจะกินเสต็กเนื้อแกะ ก็เรียกรถแท็กซี่มารับที่โรงแรม เพื่อไปที่ร้านพอไปถึงร้านประมาณ 1 ทุ่ม โอ้โห โต๊ะเต็มหมด ต้องรอคิว 1 ชม โอ้พระเจ้าช่วยใครจะไปรอไหว เพราะต้องนั่งรอนอกร้านซึ่งอากาศหนาวมาก ๆ ก็เลยเตร็ดเตร่ดูร้านอื่นสรุปมีร้านใกล้ ๆ อยู่แค่ร้านเดียว เป็นภัตตาคารจีน สามีก็เลยถามสรุปจะเอายังไง ไอ้เราก็หนาวมาก ก็เลยเอาวะ ร้านไหนก็กิน ก็เลยได้เข้าไปนั่งในเหลาจีน มีแต่คนจีน บรรยากาศ แบบร้านจีนโบราณ ตูจะบ้าตาย มีแต่คนส่งภาษาจีนกันทั่วร้าน เฮ่อ จากร้านอาหารฝรั่งสุดหรู กลับต้องมานั่งกินอาหารจีน บรรยากาศโรงเตี๊ยม เวรกรรมของชั้นจริง ๆ เลย พอกลับมาบ้านสามีก็เลยปลอบใจพาไปกินใหม่อีกทีแถวบ้าน ชื่อร้าน Red Robster ค่อยยังชั่ว บรรยากาศใช้ได้
ตอนที่อยู่ที่โรงแรมเช้ามาสามีจะไปทำงานแต่เช้า เราต้องหาอะไรกินเองตอนเช้า ก็สามารถไปที่ ห้องรับรองวีไอพีของโรงแรมเพราะเราเป็นสมาชิก สามีก็บอกว่าอาหารเช้าจะมีตอน ตี 5 - 9 โมงเช้า หลังจากนั้นก็จะมีแต่เครื่องดื่ม อีนี่ก็ตื่นไม่ทันตื่นสายโด่ยมาก็ 9 โมงแล้ว กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ปาเข้าไป 10 โมง หิวซ่กเลย ทำไงดีวะ เอ้าเครื่องดื่มอย่างเดียวก็ดีวะ ดีกว่าไม่ได้กินอะไรเลย ก็ไปที่ห้องรับรอง จะต้องใช้การ์ดรูดเข้าไป ก็ไม่มีใครเลย เค้าไปกันหมดแล้ว ก็ชงชากิน แล้วก็ไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ดูทีวี เจ้าหน้าที่ผู้หญิงที่ประจำที่ห้องรับรองก็เดินเข้ามาคุยด้วยถามโน่นถามนี่ ว่าเป็นคนชาติอะไร พักอยู่ที่ไหน ก็คุยกันได้ถูกอกถูกคอ พี่แกก็เลยเข้าไปยกขนมมาให้กิน เต็มไปหมดเลย มีคุกกี้ มัฟฟิน กล้วยลูกเบ้อเริ่ม เราก็กินได้นิดเีดียวเหลือเพียบ ก็เกรงใจเนอะ กลัวเค้าจะเสียน้ำใจ ก็เลยห่อใส่กระเป๋ากลับไปหมดเลย ฮิ ฮิ
ไม่อยากจะบอกเลยว่ามะเขือเทศ ที่นี่อร่อยมาก ลูกเบ้อเริ่มแล้วก็หวาน รสชาติไม่เหมือนบ้านเรา อยู่บ้านเราไม่ชอบกินเลย แต่มาอยู่นี่กินได้แทบทุกวัน แครอทด้วย จะมีพันธ์เล็ก ๆ แล้วก็หวาน สามารถกินเล่นได้เลยหละ แล้วก็มีน้ำเปล่าสามีซื้อให้กินที่สนามบิน อร่อยมาก เป็นน้ำเปล่าแบบใส่กลิ่นสตอเบอรี่ Strawberry Splash ของ Nestle อร่อยมาก ๆ อยากให้เพื่อน ๆ ได้ลองชิมจังเลย แล้วก็สตอเบอรี่ที่นี่ลูกใหญ่ แล้วก็หวานมาาาาาาาาาาาก แต่ก็แพงมาาาาาาาาาก เหมือนกัน ถ้ากลับไปจะซื้อแต่ของกินไปฝากนะ เพราะขนมเค้าเจ๋ง ๆ ทั้งนั้น เลย แต่ไม่รู้จะผ่านด่านเข้าเมืองไทยได้รึเปล่า
Back home
วันศุกร์พอมาถึงบ้าน เฟอร์นิเจอร์ที่สั่งซื้อจากเมืองไทยก็มาถึง โอ้โหเค้าแพ็คมาอย่างดี แพ็คด้วยไม้ ต้องมานั่งงัดกันอยู่ครึ่งค่อนวัน เพราะมันหลายชิ้น เป็นไม้แกะสลักจากเีชียงใหม่ สวยงามมาก รวมราคาของบวกค่าขนส่งประมาณ 8 หมื่นกว่าบาท เรารู้สึกว่าแพง แต่สามีบอกว่า ถ้าเรามาหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ไทยแบบนี้ที่นี่ตกราคาประมาณ 3 แสนบาท เลยรู้สึกถูกขึ้นมาทันทีเลย ใครคิดจะมาขายเฟอร์นิเจอร์ที่นี่บอกนะ รวยแน่เลย เพราะเท่าที่ดูเฟอร์นิเจอร์ที่นี่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย ธรรมดามาก แถมยังแพงอีก สู้เฟอร์นิเจอร์เมืองไทยไม่ได้เลย แกะสลัักไม้อย่างงาม
ตกตอนเย็นก็ไปซื้อของที่ HEB เช่นเคย แล้วก็ไปปีนฟุตบาธ มาเรียบร้อย เนื่องจากจะต้องเลี้ยวรถแล้วเผอิญอิชั้นกะไม่ถูกก็เลยปีนฟุตบาธ แหะ แหะ ดีนะรถไม่เป็นอะไร แต่ค่อนข้างจะอายคน รถมันใหญ่ง่ะ ไม่เคยขับนี่หว่ารถกระบะหนะ พอขับกลับบ้านก็ขับผ่านคนกำลัังเดินอยู่ข้างถนน เราก็ขับธรรมดาเหมือนอยู่เมืองไทยคือขับตรง ๆ บนถนนแต่ไม่ได้ไปเฉี่ยวเค้า แต่เค้ากระโดดขึ้นขอบถนนเลย สามีดุใหญ่เลยบอกว่าเธอขับรถแบบนี้ไม่ได้ เวลาเห็นคนเดินอยู่ข้างถนน ต้องขับรถอ้อมออกห่าง ๆ ห้ามเข้าไปใกล้ หรือขับตรง ๆ เด็ดขาด เฮ่อ ตูจะบ้าตาย
แผน ดีมากๆ เลยที่ส่งข่าวสารบ้านเมือง จากเมืองไทยมาให้ได้รับรู้บ้าง เพราะตอนนี้ตกข่าวมาก ๆ ไม่มีเวลาเข้าไปอ่านเลย อย่าลืมส่งข่าวมาเรื่อย ๆ นะ จะรอ