เสาร์ 9 ม.ค. - ช่วงนี้อากาศหนาวมากเลย เช้าวันนี้ติดลบ -6 องศา เรียกว่ามีนัดกับใครก็เลื่อนหมด ไม่อยากออกจากบ้าน เมื่อคืนก็ต้องตื่นมาตอน ตี 3 เพื่อเปิดน้ำทุกก๊อกในบ้าน ทิ้งไว้ 5-15 นาที เพื่อไม่ให้มันแข็ง เพราะท่อมันเชื่อมมาจากนอกบ้าน ส่วนก๊อกน้ำ นอกบ้าน 4 ก๊อกและเชื่อมเข้ามาในบ้าน เราต้องเอาผ้าไปห่มให้มันอุ่น ไม่งั้นอาจมีปัญหาได้ เพราะอุณหภูมิมันติดลบเยอะ แต่โชคดี อีก 3-4 วัน เราก็จะหนีหนาวไปเมืองไทยอีกแลว ฮี่ ๆ
โอเค ทริป ลอนดอน อังกฤษ ( ทริปฮันนีมูน)จำได้ป่าวเอ่ยหลายคนไปร่วมงานแต่งงานวันนี้ วันที่ 19 พ.ย. เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก
Day 1
โอเค ทริป ลอนดอน อังกฤษ ( ทริปฮันนีมูน)จำได้ป่าวเอ่ยหลายคนไปร่วมงานแต่งงานวันนี้ วันที่ 19 พ.ย. เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก
Day 1
- เนื่องจากกอร์ดอนไปทำงานที่ไนจีเรีย เราเลยต้องเดินทางคนเดียวจากเมืองไทย (เพิ่งเดินทางจากเมกามาเมืองไทยวันที่ 13 พ.ย.) คนเดียว และต้องหาเครื่องที่เวลาไปถึงใกล้เคียงกับกอร์ดอนมากที่สุด ก็เลยมาได้สายการบิน เตอกิช Turkish Air สายการบินนี้ดีมาก เครื่องหรูหรา เราไป Business class
ถือว่าหรูกว่าสายการบินอื่นที่เคยนั่ง เครื่องใหม่มาก ผ้าห่มสีฟ้าอย่างหนา อาหารก็หรูุสุด ๆ ที่นั่งใน Business class ว่างดีมากเลย มองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีหน้าคนไทยเลยซักคน ลืมบอกไปเครื่องออกจากเมืองไทยค่อนข้างดึก 5 ทุ่ม 45 นั่งมาประมาณ 8 ชม.กว่า
Day 2
ถือว่าหรูกว่าสายการบินอื่นที่เคยนั่ง เครื่องใหม่มาก ผ้าห่มสีฟ้าอย่างหนา อาหารก็หรูุสุด ๆ ที่นั่งใน Business class ว่างดีมากเลย มองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีหน้าคนไทยเลยซักคน ลืมบอกไปเครื่องออกจากเมืองไทยค่อนข้างดึก 5 ทุ่ม 45 นั่งมาประมาณ 8 ชม.กว่า
Day 2
- ก็มาต่อเครื่องที่ อิสตันบุล ประเทศตุรกี พอลงเครื่องก็เดินดูป้ายเพื่อไป International transit พอเจอป้านเราก็ไปเข้าแถวกับเค้าเพื่อเข้าช่องตรงนี้ แต่พอถึงตาเราเรายื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าให้เราไปเช็คพาสปอร์ตก่อน เราก็เอ๋ออะไรฟะ ไปเช็คพาสปอร์ตที่ไหนเนี่ย เราก็งก ๆเงิ่น ๆ อยู่แป๊บนึงก็หาเจอ มันอยู่ข้าง ๆ กัน แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าที่นี่ต้องมีการตรวจพาสปอร์ตก่อน ไม่เห็นเหมือนไปเมกาเลย แค่เข้าด่าน เซเคียวริตี้ ก็จบละ ไม่ยุ่งยาก แถมพอไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจพาสปอร์ต มั้นก็ซักเราซะยับเลย ถามซะยังกะว่าเราจะเข้าเมืองมันงั้นแหละแค่มาต่อเครื่องเอง แถมภาษาอังกฤษพี่แกก็ฟังยากมากเลย ตามสไตล์แขกพูดภาษาอังกฤษ แถมดุอีกต่างหาก พอผ่านตรงนี้มาได้ก็กลับไปด่าน International transit ใหม่ คราวนี้ก็ผ่านฉลุย ก็มารอขึ้นเครื่องต่อประมาณ 2 ชม. แถมดีเลย์อีก 1 ชม. ก็ใช้เวลาบนเครื่องอีก 4 ชม.กว่า ๆ ก็มาถึง ลอนดอน เที่ยงครึ่ง กอร์ดอนก็มายืนรออยู่ละ ก่อนอื่นเราก็หาอาหารเที่ยงง่าย ๆ กินกันที่แอร์พอร์ทเลย จะป็นพวกแซนวิชด์ เราก็กินที่ร้านชื่อ Pret A Manger เป็นร้านเฟรนไชด์ที่มีชื่อของลอนดอน กอ่ตั้งมาตั้งแต่ปี 1986 ซึ่งชื่อร้านเป็นชื่อภาษาฝรั่งเศสแปลเป็นชื่ออังกฤษอีกทีว่า Ready to Eat
Day 3
รับประทานอาหารเช้าเสร็จเราก็เริ่มออกจากโรงแรมตอน 10 โมง
เป็นโบสภ์ท่ี่มีชื่อเสียงที่สุดของลอนดอน สร้างขึ้นในปี 1675 ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีโยสภ์เก่าอยู่ 2 โบสภ์ แต่ถูกไฟไหม้ไป ในปี 1087ละ อีกโบสภ์ถูกฟ้าผ่าไปในปี 1561
เป็นผับที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้กรุงลอนดอนในปี 1666 ลอนดอนถูกเผาไปเยอะ แต่ไฟหยุดพอดีห่างจากตึกนี้แค่ 50 ม. เลยทำให้ผับนี้โชคดีรอดมาได้ และเป็นผับเดียวที่รอดมาได้ใน ศต. 17
ตกช่วงบ่ายแก่ ๆ เราก็ไปทั่วร์ แจ็ค เดอะ รีปเปอร์ โดยไปกันเอง ปริ้นท์ข้อมูลสถานที่มาจากเน็ต หลายคนคงจะรู้จัก แจ็ค เดอะ รีปเปอร์ กันแล้ว เคาทำเป็นหนังด้วย ส่วนคนที่ไม่รู้จัก เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นในปี 1888 (122 ปีมาแล้ว) โดย แจ็ค เดอะ รีปเปอร์ คือ ฆาตรกร ฆ่าผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นโสเภณี ทั้งหมด 5-18 กว่าศพ โดยการปาดคอและผ่าลงมาจนถึงท้องน้อย และเอาไส้ในออกมา ซึ่งในที่สุดคดีนี้ก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าฆาตรกรคือใคร จากรูปด้านบนคือสถานที่นึงที่เหยื่อถูกฆ่า และที่น่าสนใจคือมีสถานที่นึงที่สนืบมาได้ว่าญาติของกอร์ดอนเคยอาศัยอยู่ที่เดียวกับผู้ต้องสงสัยที่อาจจะเป็น แจ็ค เดอะ รีปเปอร์ น่าสนใจมาก
หลั้งจากนั้นเราก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน (ที่นี่เค้าจะเรียกว่า Underground )กลับโรงแรม ขากลับเดินไม่ไหวแล้ว เพราะเดินไปไกลมากทั้งวัน ไม่น่าจะต่ำกว่า 8 กม.
Day 4
วันนี้ก่อนจะออกเที่ยวขอกดเงินซะหน่อย ตู้เอทีเอ็มที่นี่ก็เก๋มาก ชื่อว่า Hole in the wall ก็คือรูในผนังนั่นเอง เข้าใจตั้งชื่อ

ถนนหนทางของลอนดอน ตึกส่วนใหญ่ก็ยังเป็นตึกเก่า ๆ ตั้งแต่สมัยโบราญ เพียงแต่มีการบูรณะ หรือทาสีใหม่บ้าง
ตึกรามบ้านช่อมที่นี่จะมีชั้นใต้ดินทุกที่ และเค้าจะทำช่องกระจกเอาไว้บนพื้นด้านบน เพื่อรับแสงอาทิตย์ ลืมถ่ายรูปมาให้ดู มันจะอยู่ตามทางเดินบนฟุตบาธ
เดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์
อากาศจะค่อนข้างมัวซัวตลอด เพราะฝนจะตก ๆ หยุด ๆ อยู่ตลอดเวลา
Big Ben
Parliament หรือตึกรัฐสภา
Wootton Street, Waterloo คือถนนที่พ่อกอร์ดอนเคยอยู่ตอนเด็ก ๆ และญาติเค้าเคยอาศัยอยู่ช่วง ปี 1850-1950
แถวนี้จะเป็นบริเวณที่บรรพบุรุษครอบครัวหนึ่งของกอร์ดอนเคยอยู่ 100-150 ปีมาแล้วสภาพยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากอดีต
ร้านอาหารไทย แต่ครัวปิดเพราะเป็นวันอาทิตย์

เราแวะทานอาหารเที่ยงกันที่ผับเก่าแห่งหนึ่งใน Waterloo แถว ๆ สะพาน Blackfriars Bridge เป็นสะพานที่ปู่และย่าของกอร์ดอนพบรักกันบนสะพานแห่งนี้ (โรแมนติกมาก) อาหารจะเป็น อาหารดั้งเดิมพื้นเมืองของชาวอังกฤษ Traditional English food จานใหญ่มาก ๆ จะเป็นตเนื้อแกะตั้ง 4 ชิ้นใหญ่ ๆ ในถ้วยเล็ก ๆ จะมีน้ำจิ้มทำด้วยมิ้นต์ อร่อยมาก ๆ จานใหญ่หยั่งงี้กินยังไงก็ไม่หมด แถมราคาถูกอีกต่างหาก ตั้งแต่กินมาร้านนี้ถูกที่สุดเลย จานใหญ่ ๆ แบบนี้ราคาแค่ 7 พาว เท่านั้นเอง

แล้วเราก็เดินมาถึงสถานที่ที่เคยเป็นโรงละครเก่าของเช็คสเปียร์ Shakespeare คงไม่มีใครไม่รู้จักเช็คสเปียร์
วงกลมในรูปด้านบนคือโรงละครเก่าเช็คสเปียร์ในสมัยโบราณ
รูปนี้เราเดินเลาะแม่น้ำเทมส์แล้วก็มาเจอตึกสมัยเก่าแก่มาก

ตอนนี้กลายเป็นอพาร์ทเม้นต์ไปซะแล้ว ลานโล่ง ๆ ที่เห็นด้านบนคืออดีตโรงละครเช็คสเปียร์ สไตล์อิฐที่หินจะเป็นของดั้งเดิม ถนนเก่า ๆ ตั้งแต่สมัยโบราณของลอนดอนจะเป็นแบบนี้หมด คือปูด้วยอิฐหรือหินเป็นก้อน ๆ ถนนเล็ก ๆ หลายสายก็ยังคงอนุรักษ์ของเก่าอยู่
Southwark Cathedral ไม่สามารถถ่ายรูปด้านนอกมาได้ เพราะมันใหญ่และสูงมาก ๆ เลยเก็บภาพใกล้ ๆ ได้ไม่หมด เป็นโบสถ์ที่สวยและเก่าแก่มาก ๆ และมีประวัติที่น่าสนใจ ลองอ่านจากรูปด้านบนดู
และในโบสถ์แต่ละโบสถ์จะมีชื่อของทหารที่ตายในสงคราม.โลกอยู่ด้วยเพื่อเป็นเกียรติ มีชื่อญาติของกอร์ดอนอยู่ด้วยตายยในสงครามโลกครั้งที่ 1เกี่ยวข้องกับกอร์ดอนคือเป็น พี่ชายของปู่กอร์ดอน
โรงพยาบาล นี้ปู่ของปู่ของปู่กอร์ดอนมาตายที่นี่เนื่องจากอุบัติเหตุในที่ทำงานในโรงงานไม้ โดยอายุแค่ 36 ปีเท่านั้นเอง และทิิ้งลูกไว้ถึง 5 คน
Tower Bridge ข้ามแม่น้ำเทมส์ จะมี 2 ทาวเวอร์
อาหารเย็นวันนี้กอร์ดอนอยากเข้าร้านอาหาร English Traditional อีกแล้ว ดูเมนูร้านนี้แล้วสั่งไม่ถูกเลยไม่เหมือนที่เคยกินที่ผับเก่า ดูแล้วเราท่าจะกินยาก ดูไปดูมาเลยสั่งเป็นประเภทปลามา แต่พอมามันกลายเป็นปลาแต่อยู่ในชีส ซึ่งท่วมถ้วยไปหมดเลย หยั่งที่เห็นในรูป ชีสเยอะมาก ๆ ต้องกินแบบพะอืดพะอม กินได้แค่ไม่กี่คำ เลยต้องไปแย่งกอร์ดอนกินแทน เพราะเค้าสั่ง ฟิชเค้ก อร่อยกว่ากันเยอะเลย
และแล้วก็มาถึงร้านอาหารจีนชื่อว่า Stick & Bowl ชื่อน่ารักมาก "ตะเกียบกับถ้วย" เป็นร้านเล็ก ๆ หน้ามหาลัย ส่วนใหญ่คนที่มากินคือเด็กนักศึกษา มีเราเนี่ยแหละแก่กันอยู่สองคน แต่อาหารอร่อยมาก เราสั่งก๊วยเตี๋ยวเป็ด มองคนข้าง ๆ กินข้าวหมูกรอบก็หน้ากิน เหมือนนั่งกินอยู่เมืองไทยเลย แถมราคาก็ถูกอีกต่างหาก แค่จานละประมาณ 6-7 พาว เอง
เสร็จแล้วเราก็เดินเที่ยวบริเวณนั้นกัน มาเจอโบสถ์เก่าแห่งนึง สวยมาก เก่าแก่มาก ๆ ทริปนี้จะถ่ายรูปโบสถ์ค่อนข้างเยอะ และก็เข้าไปดูแทบทุกโบสถ์ เพราะว่าโบสถ์เค้าสวย และอายุนานมากแล้ว แต่เค้ายังบูรณะไว้ได้อย่างดี
Day 5
วันนี้ฝนตกแต่เช้า เราก็เลยออกจากโรงแรมค่อนข้างสายประมาณ 11 โมง กอร์ดอนเป็นห่วงว่าเมื่อคืนเรากินได้น้อย เพราะอาหารไม่ถูกปาก เค้าเลยไป search หาร้านอาหารจีนในเน็ตให้ ได้มาร้านนึง เราก็เริ่มออกเดินไปร้านอาหารกัน ฝนก็ยังตกพรำ ๆ และหนาวมาก แต่ก็ต้องไปเพราะหิว
เราก็เดินเลาะ park มาเรื่อย ๆ ไกลพอสมควร แล้วก็เดินผ่าน มหาวิทยาลัยชื่อว่า Imperial College
หลังจากนั้นเราก็ไปเข้าห้องสมุดกัน เป็นห้องสมุดเกี่ยวกับค้นหา บรรพบุรุษ ปู่ย่าตายาย หรือ Ancestor กอร์ดอนเค้าสืบค้นบรรพบุรุษเค้าได้ลึกถึง 500 กว่าปีแล้วที่อยู่ที่อังกฤษ โดยหาข้อมูลจากห้องสมุดและอินเตอร์เน็ต
แล้วก็ไปเดินหาซื้อชากันปกติกอร์ดอนจะชอบซื้อชาไปจากอังกฤษ โดยจะซื้อเป็นเซ็ตเลย มันจะมี Breakfast , Afternoon and Evening Tea
ตึกเก่า ๆ เป็นแนวยาว ด้านหลังคือ Herod's Department Store