หวัดดีจ้า กลับมาแล้ว
ลืมบอกไปว่าเมื่อวานไม่มีเวลาเขียนอีเมลล์เพราะว่ามีเรื่องยุ่ง ๆ ให้ทำทั้งวัน ปกติจะนั่งส่งอีเมลล์ตอนเช้า แต่เมื่อวานต้องออกจากบ้านแต่เช้า แล้วเดี๋ยวจะค่อย ๆ เล่าให้ฟัง ขอบคุณมากสำหรับอีเมล์ลให้กำลังใจของทุก ๆ คน เมื่อคืนเปิดเช็คอีเมลล์ มีอีเมลล์เ้ข้ามาเยอะมาก จนสามีก็ยังร้อวว้าว ทุกคนน่ารักมาก นี่ถ้าไม่มีเพื่อน ๆ ทุกคน เราคงจะเฉาตายแน่เลย อ่านอีเมลล์ทุกคนแล้วต้องแอบมีน้ำตาเล็ก ๆ ไม่ให้สามีเห็น รู้สึกอบอุ่นใจยังไงก็ไม่รู้เวลาอ่าน
วันพฤหัสที่ 6
วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากตื่่นนอนประมาณ 9.00 น. กินอาหารเช้าคนเดียวเพราะอยู่คนเดียวแล้วก็ทำโน่นทำนี่ อ่านหนังสือพิมพ์ ดูทีวี แปลกนะเวลาอยู่บ้าน ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วก็ไม่รู้ แป๊บ ๆ เที่ยง แป๊บ ๆ เย็น ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยมีอะไรทำ ทำไมเวลาอยู่ที่ทำงานเวลามันผ่านไปช้า ๆ วันนี้อ่านหนังสือพิมพ์เพิ่งสังเกตว่าที่นี่นะเค้าจะมีของลดราคาช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เยอะมาก Sale ที่ไม่ใช่ 10 หรือ 20 เปอร์เซ็นต์นะ แต่ปาเข้าไป 50-75 เลยหละ โอ้โหเยอะมาก พอเซลลงมาแล้วราคาก็จะใกล้เคียงเมืองไทย เค้าจะลดล้างสต็อคกันเลย แต่ตอนนี้ต้องอดใจไว้ก่อน เอาไว้คล่อง ๆ ก่อนค่อยไปช็อปคนเดียว ส่วนรถที่นี่ก็ไม่แพง โดยเฉพาะรถมือสองถูกมาก ๆ นั่นสิว่าทำไมเด็กนักเรียนที่นี่ขับรถไปโรงเรียน เด็กนักเรียนเกรด 10-12 หรือมัธยมปลายบ้านเรา อายุประมาณ 15-17 ก็ขับรถไปโรงเรียนกันแล้ว เพราะสามารถสอบใบขับขี่ได้แล้ว แถมขับรถยี่ห้อดี ๆ กันทั้งนั้นเลย ส่วนมือถือที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นของโมโตโรล่า
ตอนบ่ายก็เดินไปไปรษณีย์ โอ๊ยอากาศหนาวเชียว 10 องศา แถมไม่มีแสงแดดเลย มีแต่ลม แต่เวลาเดินก็ค่อยยังชั่ว พอไหวไม่หนาวมาก ก็เดินไปเรื่อย ๆ ถ่ายรูประหว่างทางมาด้วย เดี๋ยวจะส่งไปให้ดู ตลอดทางที่เดินมีอิชั้นเดินอยูี่่่คนเดียวไม่มีใครเค้าเดินกันเลย มีแต่ขับรถกัน ขับกันเร็ว ๆ สามีดิชั้นก็ขับรถเร็ว แล้วก็เบรคแบบกระทันหันกันนะคนที่นี่ แต่เบรคเค้าดี เบรคปุ๊บหยุดปั๊บ เวลาข้ามถนนก็ต้องข้ามตรงทางม้าลาย ข้ามซี้ซั้วไม่ได้ เวลาเรารอข้ามตรงทางม้าลาย รถทุกคันเค้าจะหยุดให้ทั้ง ๆที่ไม่มีไฟบอกให้หยุด กฎจราจรเค้าดีมากเลย แล้วก็เวลาขับรถเจอทางแยกทุกทางแยกในหมู่บ้าน จะต้องหยุดดูซ้ายดูขวาทุกครั้ง ส่วนป้ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับจราจรเจ้าดีมากเลยจะคอยมีป้ายเตือนตลอดเวลา เช่น "Right Lane you have to turn right" " do not across the double line" โดยเฉพาะห้ามเปลี่ยนเลนส์ถ้าเป็นเส้นสองเส้น บ้่านเราจะโดนจับกันประจำกับข้บข้ามไอ้เส้นนี้ แต่ที่นี่เค้าจะมีป้ายคอยเตือนไว้ตลอด หยั่งตรงไหนมีการก่อสร้างทาง เค้าก็จะมีป้ายบอกว่าขอโทษในความไม่สะดวกแต่เราทำเพื่อคุณนะ อ่านแล้วก็น่ารักดี ที่นี่ถนนทุกเส้นจะมีกำหนดลิมิตความเร็วเอาไว้หมด มีทุกลิมิต ไม่ว่าจะ 30 , 55 ,70 ,100 แตกต่างกนไปแล้วแต่สถานที่ ถ้าเป็นโซนโรงเรียนจะกำหนดให้น้อยมาก เค้าจะมีป้ายบอกว่า School Zone ระหว่างทางที่เดินไปไปรษณีย์ ก็เกิดความคิดวูบนึงขึ้นมาว่า เรามาเดินอยู่นี่ได้ยังไงเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยเนอะ ชีวิตคนเรา
ลืมบอกไปว่า ที่ Kingwood นี่ต้นไม้เยอะมาก แล้วก็ใหญ่ ก็เลยมีชื่อเมืองว่า Kingwood ส่วนหมู่บ้านที่อิชั้นอยู่ชื่อว่า Greentree จะมีต้นไม้ใหญ่ ๆ กันทุกบ้าน แล้วก็มีกะรอก กะแต เต็มไปหมดเลย เดินไปทางไหนก็เจอ ที่บ้านตอนนี้มีแต่ต้นไม้ใหญ่ ไม่มีไม้ดอกเลย ก็เลยบอกสามีไว้ว่าถ้าหมดหน้าหนาวขอปลูกดอกไม้หน่อยนะ เพราะไม้ดอกที่นี่สวยมาก ถ้าปลูกเสร็จแล้วจะถ่ายรูปมาให้ดู
ตอนเย็นสามีกลับมาก็ออกไป HEB เหมือนเดิม ไปซื้ออาหาร แล้วก็แวะสตาบัค ซื้อชาเป็นซองเค้าจะขายเป็นกล่อง ๆ มากินที่บ้าน วันนี้ก็กินข้าวกันสองคนเพราะลูกเค้าไม่อยู่ เฮ่อ ค่อยยังชั่ว ตอนนี้นั่งวันนับคืนให้ถึงเดือนกันยายนเร็ว ๆ เพราะจะได้กลับเมืองไทย และที่สำคัญเคลซีจะได้ย้ายไปเข้ามหาลัยด้วย
วันศุกร์ที่ 7
ตืนแต่เช้าประมาณ 6 โมง วันนี้สามีไม่ทำงาน เค้าจะทำงานแบบหยุศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สลับกับหยุดเสาร์ อาทิตย์ ก็ตื่นมาแต่เช้าเพราะต้องมีเรื่องที่ต้องทำกันหลายอย่าง 8 โมงเช้า สามีออกไปหาหมอฟัน เราก็อาบน้ำแต่งตัวรออยู่ที่บ้าน พอ 9 โมง สามีก็พาเราไปทำเรื่องสมัครเป็นสมาชิกประกันสังคม ที่นี่เค้าบังคับว่าจะต้องทำทุกคน ถึงแม้จะมีรายได้ หรือไม่มีก็ตาม แต่ถ้าไม่มีรายได้ก็ไม่ต้องส่งประกันสังคม ตอนเกษียณเราก็จะได้เงินตรงนี้ด้วย แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครส่งมากส่งน้อย เกษียนอายุที่นี่แก่มากเลย ปาเข้าไปตั้ง 65 ไม่เหมือนของเราแค่ 55 ปี ก็ไปนั่งรอคิวนานมาก ๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เค้าก็แค่คีย์ข้อมูลเข้าคอม แล้วก็บอกว่าจะส่งบัตรให้เราที่บ้านภายใน 2 อาทิตย์ เท่าที่ไปนั่งรอ จะมีพวกคนผิวดำกับพวกสแปนิช เยอะมาก ดู ๆ ไปหน้าตากับผมเราจะกระเดียด ไปทางพวกสแปนิช เพียงแค่ว่าหน้าตาเค้าจะคมกว่าเรา แล้วก็ผิวขาวกว่าเรา แต่ผมเค้าจะดำตรงกัน ลืมบอกไปว่า ที่นี่จะมีพวกสแปนิชอยู่มาก อะไรต่างๆ ที่นี่เลยใช้ สองภาษา อังกฤษ และ สเปน ป้ายร้านอาหารหลาย ๆ ที่จะเป็นภาษาสเปน นี่ถ้าภาษาอังกฤษเก่ง ๆ แล้ว น่าไปเรียนภาษาสเปนต่อ เพราะเค้ามีสอนที่ Kingwood College ด้วย
เสร็จจากทำบัตรประกันสังคมก็ไปแวะซื้อตัวอย่างกระเบื้องที่ Low's คล้ายๆ กับ Home Pro บ้านเรา แต่ที่นี่ดีมากเลย เราสามารถเอาตัวอย่างของที่จะใช้แต่งบ้านออกไปได้โดยที่ จ่ายมัดจำไว้ก่อน พอมาคืนเค้าก็จะคืนเงินให้ เราตั้งใจจะทำครัวใหม่กัน ก็เลยเอาตัวอย่างกระบื้องปูพื้นมา 3 สี เวลาจะทำเรื่องยืมก็ต้องทำเองนะไม่มีเจ้าหน้าที่ทำให้ จะมีเครื่องยิงบาโค้ท แล้วก็จ่ายเงินผ่านเครื่องเอง ที่นี่เค้าสอนให้ช่วยตัวเองทุกอย่าง
เสร็จแล้วก็กลับบ้านสามีทำสปาเก็ตตี้เตรียมไว้สำหรับอาหารเย็น แต่มื้อเที่ยงของเราก็ง่ายๆ เพราะไม่มีเวลาจะต้องรีบออกไปทำเรื่องอย่างอื่นอีก ก้กินแค่เนื้ออะไรซักอย่างคล้าย ๆเบคอน สามีบอกแล้วหละแต่จำชื่อไม่ได้อร่อยดี กินกับวัฟเฟิ่ลราดเมเปิ้ลไซรับ พอเสร็จแล้วเราต้องแต่งชุดสวยและหล่อไปศาลเพื่อไปทำพิธีแต่งงาน โชคดีที่พอจะเอาชุดมาบ้าง เราก็ใช่ชุดแสกผ้าต่วนเกาะอกยาวสีขาว แล้วก็มีเสื้อคลุมยาวสีขาวเหมือนกับแต่เป็นผ้าที่มีลายปักเป็นดอกไม้ สีสรรสดใส สีฟ้าสีชมพู ไว้จะส่งรูปมาให้ดู ส่วนสามีก็ใส่สูทผูกไท แต่ปัญหาก็คือจะต้องไปแวะ Kingwood College ก่อนเพื่อสอบถามเรื่องสมัครเรียน เลยต้องใส่ชุดนี้ไป รู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้เพราะชุดมันดูหรู ๆ อยู่ เดินเข้าไปใน ตึกลงทะเบียนเค้ามีแต่คนมองแล้วก็ยิ้ม ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่เดินผ่านจะบอกว่าชุดน่ารักจังเลย ชุดสวยค่ะ ตลอดทาง อายมากเลย เพราะเค้าคงงงว่ามันใส่ราตรีสโมสรมามหาลัยทำไมวะ เสร็จแล้วก็คุยนัดเวลากับ Advosor เรื่องสอบ สรุปว่าไปสอบวันไหนก็ได้ แต่จะล็อคเวลาไว้แค่ 2 ช่วง คือเช้า กับบ่าย ใช้เวลาสอบ 2 ชม. ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไร ก็เลยกะว่าจะไปสอบวันเสาร์หน้าตอนเช้า
หลังจากนั้นก็ขับรถบึ่งไปในเมื่องที่ฮูสตันเพื่อไปศาลไกลพอสมควร รถก็ติด ก็ไปถึงที่นั่นตอนบ่าย 03.30 น. มีเพื่อสามีและภรรยามาร่วมเป็นสักขีพยานให้ด้วย 1 คู่ ชื่อว่า Carl และ Marcia อ่านว่ามาชา สองคนนี้น่ารักมากเลย อัธยาศรัยดี ทำให้เราได้หัวเราะตลอดเวลา อายุทั้งสองคนน่าจะแก่กว่ากอร์ดอน น่าจะห้าสิบต้น ๆ แต่ดูไม่แกกันเลย ทั้งคู่ยิ้มง่าย ดูอบอุ่น แถมคาลอารมณ์ดีกว่ากอร์ดอนซะอีก ว่ากอร์ดอนอารมณ์ดีแล้วนะ
พิธีก็ง่าย ๆ ไม่มีอะไรมากก็เข้าไปในห้องทำงานของผู้พิพากษา กว่าผู้พิพากษาจะเรียกชื่อชารินีถูก พยายามอยู่ตั้งนาน เค้าจะเรียกออกเป็นชาลี ฮิ ฮิ
เค้าก็จะให้เราพูดตาม ก็พูดตามแบบถูกมั่งไม่ถูกมั่ง แล้วก็สวมแหวน พอเสร็จแล้วเค้าให้่ฝ่ายชายคิสฝ่ายหญิง คุณสามีก็บอกว่า อ๋อไม่ได้หรอกวัฒนธรรมของชารินีเค้าไม่ให้คิสกันในที่สาธารณะ ผู้พิพากษาเค้าก็แปลกใจใหญ่ว่าเค้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย เค้าก็เคยไปเมืองไทยไม่เห็นรู้เลยว่าเค้ามีวัฒนะธรรมอย่างนี้
ก็เป็นอันเสร็จพิธีอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
จากนั้นก็ไปบ้านของคาลและมาชา ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เค้าก็เลี้ยงน้ำชา มีเค้กแต่งงานให้ด้วย แล้วก็ของหวานเต็มไปหมด มีชีสผสมครีมราดแยมสตอเบอรี่กินกับแครกเกอร์แล้วก็ใบสะระแหน่ อร่อยดี เค้าคะยั้น คะยอให้กินจนจะแทบจะล้นมาถึงคอหอย เพราะมันมีแต่ของหวานซึ่งดิชั้นไม่ค่อยถนักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องคอยพูดว่า อร่อยมากค่ะ ชอบมากค่ะ ขนมทุกอย่างก็เลยมาวางกองอยู่ตรงหน้าดิชั้นคนเดียว สามีก็คอยกระซิบอย่ากินเยอะเดี๋ยวไม่สบาย แต่จะให้ทำยังไงหละเจ้าบ้านเค้าอยากให้เรากิน เราก็ต้องกิน บ้านของคาลกับมาชา สวยมาก ว่าบ้านของกอร์ดอนน่าอยู่แล้วนะ ของเค้าน่าอยู่กว่าอีกเพราะว่าเค้าตกแต่งอย่างดี ของในบ้านทุกชิ้นเป็นของเก่าแก่มรดกตกทอดทั้งนั้นเลย แล้วก็สีสรรข้างในออกสีโทนสว่าง แต่เนื้อที่ข้างนอกเค้าจะน้อยกว่าของกอร์ดอน มาชา เค้าก็พอออกไปดูพืชผักสวนครัว ที่เค้าปลูกหลังบ้านมี ต้นสะระแหน่ของเราด้วยเค้าเรียกว่าMint เค้าบอกว่าถ้าอยากจะปลูกของไทย ๆ ก็รอปลูกตอนหน้าร้อน ไม่น่าจะมีปัญหา พอเสร็จแล้วมาชา ก็น่ารักมากเลยเค้าไปรื้อเสื้อโค้ท กับเสื้อกันหนาว ของลูกสาวเค้าที่ใส่ไม่ได้แล้ว เพราะลูกเค้าตัวโตแล้วมาให้ ได้มาทั้งหมด 4-5 ตัว โชคดีมาก เป็นเสื้อโค้ทขนสัตว์อะไรซักอย่างสีครีมอุ่นมาก แล้วก็เสื้อแจ็คเก็ตกับกางเกง สำหรับเล่นสกี แล้วก็เสื้อยืดตัวในอีก 2 ตัว เค้าบอกว่าถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมาหาเค้าได้ แต่เสียดายจังเลยบ้านเค้าอยู่ไกลมาก ต้องขับรถไปประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะเป็นเส้นทางที่รถค่อนข้างติด ตอนกลับเค้าก็ให้ไวน์ กับของขวัญ แล้วก็ช็อคโกแล็ตกลับไปอีกพอรู้ว่าเราชอบช็อคโกแล็ต
ก็ขับรถกลับมาถึงบ้านก็ค่ำพอดี ก็มาส่งเราที่บ้านแล้วเค้าก็ไปรับเคลซีกับเลีย จากโรงเรียน ก็นั่งกินอาหารเย็นกันเหมือนเดิมคือ อิชั้นนั่งเงียบฟังเค้าคุยกัน อึดอัดเหมือนเดิม แต่จะพยายามอดทนเหมือนที่ทุกคนบอก เอาเป็นว่ายิ้มเข้าไว้ ไม่พูดช่างมัน เนอะ มันเป็นความซวยที่ว่าตัวเองเป็นคนที่เข้าหาเด็กไม่ค่อยเป็นด้วยเพราะตัวเองก็เป็นน้องนุชสุดท้อง แต่เอาเป็นว่าจะพยายามอดทน เพื่อสามีของเราเค้าจะได้ไม่ลำบากใจด้วยเนอะ อีกแค่ไม่กี่เดือนเอง
แต่สามีก็บอกกับเราประโยคนึงนะวันที่เราเจอกับลูกเค้าวันแรกว่า to be yourself because you are wonderful เค้าก็คงพอจะรู้แหละว่าลูกเค้ารู้สึกยังไงไม่งั้นคงไม่มาให้กำลังใจเราหยั่งงี้หรอกเนอะ
โอเควันนี้วันเสาร์ของที่นี่ก็อยู่บ้านคนเดียว กอร์ดอนไปส่งเลียแข่งวอลเลย์บอลค่อนข้างไกลก็จะกลับกันมาตอนเย็น ๆ เคลซีก็ออกไปกับเพื่อน ก็อยู่บ้านคนเดียว คงจะดูทีวีทั้งวัน ตอนนี้อยากไปเรียนภาษาเร็ว ๆ รู้สึกว่า Kingwood College จะเป็นที่พึ่งในเรื่องภาษาเป็นอย่างดี ไม่เคยมีความรู้สึกอยากไปเรียนภาษาอังกฤษเท่าตอนนี้เลย
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการทำงานนะคะ อยากบอกว่ารักและคิดถึงและเป็นห่วงทุกคนเสมอ ชีวิตมันก็ต้องดิ้นแล้วก็สู้กันต่อไป ชอบข้อคิดดีๆ ของทุกคนที่ส่งมาให้มาก