Friday, September 18, 2009

Canada - summer 2009

ห่างหายกันไปนาน ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ตอนนี้ค่อนข้างยุ่งมาก แต่ก็พยายามรีบเขียนทริปที่ค้างนี้ให้เสร็จ แต่มันค้างมาตั้งแต่ ก.ค. เลยค่อนข้างจะลืม ๆๆ รายละเอียดไปบ้าง เลยขออนุญาติเขียนแต่พอสั้น ๆทริปนี้เราก็ไปคานาดาเหมือนเดิม เป็นช่วงปิดเทอมซัมเมอร์ เราเลยพาเลียไปเข้าแคมป์วอลเลย์บอลที่คานาดา โดยที่เลียบินมาก่อนมาเข้าแคมป์วอลเลย์บอลกับมหาลัยที่ แวนคูเวอร์ ส่วนเราก็บินมาที่ เมืองโตรอนโต จังหวัดออนตาริโอ คานาดา Toronto, Ontario , Canada เลียก็จะบินมาสมทบอีกวันนึง โตรอนโตเป็นเมืองค่อนข้างใหญ่ กอร์ดอนไม่ค่อยชอบเพราะมันเจริญเกินไป ตึกเก่า ๆ ถูกรื้อทิ้งไปเกือบหมดแล้ว มีแต่ตึกสูงใหญ่แทน โรงแรมที่เรามาพักเจ๋งมากเลยอยู่ติดกับสนามเบสบอล หมายถึงตัวตึกติดกันเลย ลองดูรูปถัด ๆ ไป


และก็ไม่เคยพลาดที่จะกินข้าวที่ Hard Rock Cafe อยู่ในบริเวณโรงแรมนั่นแหละ
อันนี้สนามเบสบอลซึ่งถ่ายจากโรงแรมฝาข้างนึงของโรงแรมจะติดกับสนามเบสบอล

นี่ก็เหมือนกัน ภายในร้าน Hard Rock Cafe สามารถนั่งดูเบสบอลได้เลย แต่ตอนเราไปไม่ใช่ช่วงแข่ง เลยเงียบเหงา บางห้องของโรงแรมสามารถดูเบสบอลได้เลย แต่ห้องนั้นคงแพงน่าดู


วันรุ่งขึ้นก็ไปรับเลียที่สนามบินแล้วก็ขับ ข้ามเมืองไปที่ เมืองวอเตอร์ลู แต่ก็ยังอยู่ในจังหวัดออนตาริโอ ค้างคืนที่นั่นหนึ่งคืน วันถัดมาเราก็ขับรถไปเที่ยวน้ำตก ไนแองการ่า กัน ก็ขับรถไปประมาณ 1 ชั่ว


น้ำตกไนแองการ่า Niagara Fall ทุกคนก็คงจะรู้จักกันดี ตอนแรกเรานึกว่าเหมือนน้ำตกทั่วไปคือต้องเดิน อย่างหนัก เพื่อขึ้นไปดูชั้นน้ำตกที่สวยที่สุดบนยอดเขา แต่พอมาจริง อ้าวไม่ต้องเดินขึ้นเขาให้เหนื่อยเลย น้ำตกมันเป็นแผงใหญ่ ๆ ถนนหาทางเค้าก็สร้างไว้บนยอดน้ำตกเลย เจ๋ง จริง ๆ น้ำตกนี้จะอยู่ระหว่างคานาดา กับอเมริกา ถ้าดูในรูปฝั่งตรงข้ามที่เห็นคือรัฐนิวยอร์ค อเมริกา แต่มองดูน้ำตกจากฝั่งคานาดาจะสวยกว่า เพราะแผงน้ำตกมันอยู่ฝั่งอเมริกา

น้ำตกมีหลายแผง น้ำแรงมาก


เราเดินไปเรื่อง ๆก็ค่อนข้างเปียกเป็นระยะ เพราะลมแรง เลยพัดเอาไอน้ำจากน้ำตก ฟุ้งกระจายไปหมด

สะพานที่เห็นด้านหลังจะเป็นสะพานข้ามไปฝั่งอเมริกา




เป็นน้ำตกที่สวยและน่าทึ่งมาก เสียดายว่าเรามาแค่วันเดียว กะว่าอนาคตจะกลับมาอีก และน่าจะข้ามฝั่งไปทางนิวยอร์คด้วยดูว่าบรรยากาศน้ำตกมันจะเป็ฯยังไง


พอกลับจากน้ำตก วันรุ่งขึ้นเราก็พาเลียไปเข้าแคมป์วอลเลย์บอกที่มหาลัยวอเตอร์ลู ทิ้งไว้ 1 อาทิตย์ ส่วนเราก็บินไปเยี่ยมพ่อแม่กอร์ดอนที่ เคโลน่า Kelowna ทุกคนก็คงจะจำกันได้

มาช่วงนี้ดีมากเลยบ้านพ่อกอร์ดอน เชอรี่ออกเต็มต้นเลย แต่ถ่ายรูปออกมามองไม่เห็น มีอยู่ 4-5 ต้น เก็บยังไงก็ไม่หมด สนุกมาก แม่เลี้ยงกอร์ดอน ทำพายเชอรี่ทั้งวัน กินกันจนกระอัก

เก็บกินแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ มาก แต่รู็มั้ยถ้าไปซื้อกินที่อเมริกา แค่ พาวเดียวปาเข้าไปตั้งร้อยกว่าบาท พาวนึงยังไม่ถึงครึ่งกิโลเลย แพงมาก ๆ

ร้านยอดฮิตอีกร้านที่เราไม่เคยพลาด จะแวะตลอดทางคือ ร้านทิมฮอร์ตัน Thim Horton เป็นร้านยอดฮิตของคานาดา มันก็คือร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องโดนัทนั่นเอง มีเฟรนด์ชายทุกอนูของคานา ดังมาก ชื่อร้านเป็นชื่อของนักกีฬาฮ็อกกี้ที่โด่งดังมาก ของคานาดา มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ญาติ ๆ ก็เลยมาเปิดร้านและเอาชื่อของเค้ามาตั้ง ก็เลยเป็นที่รู้จักติดปากของคนทั่วไป แถมโดนัทก็อร่อย
พักอยู่บ้านพ่อกอร์ดอน 3 วัน เราก็ขับรถต่อไปอีกเมืองเพื่อไปเยี่ยมน้องสาวกอร์ดอน ขับรถไปประมาณ 2 ชั่วโมง รูปนี้ก็ถ่ายระหว่างทาง วิวสวย ๆ ทั้งนั้นเลย เลยขอถ่ายรูปซักกะรูป พอไปถึงบ้านน้องสาวกอร์ดอน เค้าก็ทำอาหารเลี้ยงถูกปากมากเลย เพราะมันคล้ายอาหารไทย แต่เป็นอาหารเม็กซิกัน มีข้าว แล้วก็คล้าย ๆ แกง แต่ไม่ใส่พริก รสชาติหน้าตาจะออกคล้าย ๆ แกงกะหรี่ บ้านเรา ก็เลยเอร็ดอร่อย
ทานข้าวเที่ยวกับน้องสาวกอร์ดอนเสร็จ เราก็ขับรถต่อไปที่เมือง วิสเลอร์ ทุกคนคงจำกันได้ เมืองที่เรามาตอนมาอยู่ที่นี่ปีแรก และเป็นเมืองที่เรากะจะมาซื้อบ้านอยู่ในอนาคต พอเข้าเขนวิสเลอร์ ก็เริ่มมองเห็นหิมะบนภูเขา ทั้ง ๆที่เป็นหน้าร้อน เป็นเมืองน่ารักมาก

มาถึงก็พลาดไม่ได้ที่จะแวะมาทานอาหารขึ้นชื่อ คือ เคร้ป ร้านนี้เค้าทำเอง อร่อยจะขายแต่เคร้ปอย่างเดียว มีสารพัดเครป แต่ราคาก็ค่อนข้างแพง อนาคตถ้าใครมาเยี่ยมเราที่นี่จะพามาชิม

เป็นไงหน้าตาดูดีนะ ข้างในก็จะเป็นไส้ต่าง ๆ แล้วแต่จะสั่ง

เราก็ค้างคืนที่วิสเลอร์ 1 คืน อากาศที่นี่ค่อนข้างเย็น กว่าเมืองอื่น ๆ ที่ไปมา เลยต้องควักเสวตเตอร์ออกมาใส่ อากาศที่วิสเลอร์ไม่เคยร้อนเลย รูปนี้ถ่ายตรงสถานีที่จะนั่งกอนโดล่าขึ้นไปเล่นสกีบนเขา

แล้วก็เดินชอปปิ้งกันที่ มาร์เก็ต วิลเลจ

ดอกไม้สวยเนอะ

กอร์ดอนเป็ฯโรคจิตเห็นป้ายสนามกอล์ฟไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปเล่นก็เหอะ ขอถ่ายรูปก็ยังดี หลังจากเดินเล่นซักพัก เราก็ขับรถกันต่อไปสนามบินที่แวนคูเวอร์ เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับไปที่ โตรอนโต เพื่อไปรับเลียที่แคมป์วอลเลย์บอก ทริปนี้เหนือ่ยมาก ขับรถกับขึ้นเครื่องบินตลอดไม่ได้พักได้ผ่านเลย

พอมาถึงโตรอนโต เราก็ไปค้างโรงแรมหนึ่งคืน พักผ่อนก่อนไปรับเลียอีกวัน โรงแรมนี้เจ๋งดีอ่างอาบน้ำอยู่ข้างเตียงนอนเลย
วันรุ่งขึ้นตอนเช้าก็ไปรับเลียที่แคมป์วอลเลย์บอล

หลังจากรับเลียเสร็จเราก็ขับรถจากวอเตอร์ลูกลับไปที่สนามบิน โตรอนโต ขับรถอีกแล้ว 3 ชม. แล้วก็ไปต่อเครื่องบินไป ออตโตวา ซึ่งก็ในเขตจังหวัดออนตาริโอ Ottowa , Ontario, Canada ใช้เวาบนเครื่องบินไม่นานนักประมาณ 1 ชม. ก็ไปเยี่ยมน้องชายกอร์ดอน เค้าอยู่ที่เมืองนี้ ชื่อว่า แบลร์ คนนี้เราเพิ่งเคยเจอครั้งแรก อายุเท่ากับเราเลย มีลูกสาวอายุ 2 ขวบหนึ่งคน ชื่อว่า อแมนด้า น่ารักคุยเก่งมาก ส่วนภรรยาเค้าชื่อ แอน

รูปนี้ถ่ายที่ ออตโตว่า เมืองนี้ค่อนข้างสวย มีตึกโบราณเยอะแยะ ด้านหลังที่เห็นเป็นนึกรัฐสภา ทำเหมือนปราสาทโบราณ

อแมนด้า เธอพูดได้ 2 ภาษา คือ อังกฤษและฝรั่งเศส เพราะแม่เค้าพูดฝรั่งเศส ลืมบอกไปว่าเมืองนี้ผู้คนจะพูดสองภาษาคือ อังกฤษและฝรั่งเศส





บอกแค่ครั้งเดียวว่าเราขื่อ ชารินี เค้าจำได้เลย และออกเสียงชัดด้วย ขนาดผู้ใหญ่ฝรั่งหลายคนยังออกเสียงชื่อเราไม่ค่อยได้เลย






ตึกรัฐสภาเป็ฯจุดขายของที่นี่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูป

รอบ ๆ ก็จะมีรูปปั้นประธานาธิบดี ทุกยุคทุกสมัย

เลียสูงและล่ำกว่าทหารอีก

เดินเที่ยวกันนจนเหนื่อยก็มาแวะหาอะไรรับประทานกัน เลียนั่งแทบไม่เป็นสุข เพราะอากาศมันเย็น เนื่องจากมันมีลม
พิซซ่าชิ้นใหญ่มาก ของกอร์ดอนทั้งชิ้นเลย กินคนเดียว แล้วจะไม่ลงพุงได้ไงเนี่ย เรามายืนดูเค้าปล่อยเรือลงแม่น้ำ อธิบายค่อนข้างยากจากรูปด้านล่าง พวกเรือทองเที่ยวจากโรงแรมเค้าจะปล่อยลงไปแม่น้ำ โดยเค้าจะปล่อยน้ำเข้าไปในล็อค แต่ละช่วงให้อยู่ในระดับเดียวกัน เรือถึงจะออกไปได้ พูดแล้วก็งง ไม่รู้เข้าใจกันรึเปล่า เลียก็บอก แล้วมันจะทำให้ยุ่งยากซับซ้อนทำไมเนี่ย ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ งง ๆ

พักอยู่ที่ออตโตวา 1 คืน ก็ขึ้นเครื่องบินต่อไปที่เมือง ฮาลิแฟ็กซ์ Halifax , Canada จุดประสงค์เพื่อพาเลียไปดูมหาลัยที่ นี่ และได้นัดกับโค้ชของมหาลัยไว้ เพื่อให้พาทัวร์มหาลัย กอร์ดอนก็ไม่เคยมาที่เมืองนี้มาก่อนเหมือนกัน

รูปนี้เป็นรูปที่ถ่ายจากโรงแรม ที่เมือง ฮาลิแฟ็ก เมืองนี้เป็นเมืองโบราณ เมืองเล็ก ๆ น่าอยู่ แต่หน้าหนาวเค้าบอกหนาวสุดขั้ว เป็นเมืองท่าเรือ มีอู่ซ่อมเรือเหมือนยูนิไทยเลย แต่ลืมถ่ายรูปมา ไปเดินเที่ยวในเมืองตึกเค้าน่าสนใจ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย เพราะฝนมันปรอยตลอดวัน แล้วก็หนาว

เมืองนี้มีประวัติน่าสนใจ อยู่ติดมหาสมุทรแอตแลนติก และเป็นเมืองหน้าด่านในการส่งเรือ และทหารไปร่วมรบในสงครามโลก



ทางเข้า Fort มีทหารตัวเบ้อเริ่มยืนเฝ้าอยู่หน้าตาเคร่งเครียด


ประวัติเมืองนี้ ลองอ่านกันเอาเองนะจ้ะ ขี้เกียจแปล


ขอถ่ายรูปกับทหารใน ฟอร์ท หน้าตาละอ่อนมาก
อากาศครึ้มมาก ฝนตกปรอย ๆ ตลอด ทั้งวัน

ก็ยืนดูเค้ายิงปืนใหญ่กัน ตอนเที่ยงวัน

อันนี้จะเป็นเรือรบสมัยสงคราม แต่เอามาทาสีตกแต่งใหม่ ให้ดูจิ้มลิ้ม เพื่อเรียกนักท่องเที่ยวเข้าไปดู

พอเข้าไปดูในตัวเรือ แล้วทำให้นึกถึงยูนิไทยมาก







เรือลำนี้น่ารักมากเลย เรือท่องเที่ยว เมืองเข้าน่ารักดี ก็เดินช้อปปิ้งเลาะแม่น้ำไปเรื่อย ๆ ส่วนเลียก็แยกไปกับโค้ชของมหาลัย เค้าพาไปทั่วร์มหาลัย และทำความรู้จักกับพวกรุ่นพี่วอลเลย์บอลของมหาลัย ซึ่งมหาลัยนี้เค้ายินดีที่จะรับเลียเข้าเรียนในปีหน้า แต่เลียคงต้องเลือกอีกที เพราะมีมหาลัยให้เลือกอีก 2-3 ที่ที่อยากให้เลียไปเรียน เพราะเลียค่อนข้างเรียนเก่ง และเป็ฯนักกีฬาวอลเลย์บอลประจำโรงเรียน เลยมีแต่มหาลัยดัง ๆ ต้องการตัว

หลังจากนั้นเราก็บินกลับ อเมริกา ระยะทางค่อนข้างไกลจากเมือง ฮาลิแฟ็ก ใช้เวลาเบ็ดเสร็จประมาณ 7 ชม. ต่อเครื่อง 2 ที่ พอกลับมาอเมริกาก็อากาศร้อนอบอ้าวแตกต่างกับคานาดามาก