Wednesday, August 22, 2007

วันที่ 17 - 18 Green Lake / Canada

เขียนทริปคานาดาไม่เสร็จซะที เพราะช่วงนี้มัวแต่ยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวสอบทำใบขับขี่ เพิ่งจะไปสอบขับจริงมาเมื่อวานนี้เอง ตื่นเต้นมาก สอบข้อเขียนก็ตื่นเต้น เค้าให้สอบกับคอมพิวเตอร์ มีทั้งหมด 30 ข้อ ดีนะเก็งข้อสอบไปค่อนข้างตรง พลาดไปแค่ 3 ข้อ ถ้าผิดถึง 6 ข้อก็ไม่ผ่าน ส่วนสอบขับจริงที่นี่เคี่ยวมาก เค้าจะตรวจสภาพรถเราหมดเลย ไฟหน้า ไฟหลัง ไฟเบรค แตรดังรึเปล่า แล้วตำรวจเค้าก็ขึ้นมานั่งกับเราด้วย เริ่มต้นเลยเค้าก็ให้เราจอดเข้าซอง แคบมากห้ามชนเสาที่เค้าปักกั้นเขตไว้หน้าหลัง แล้วก็ให้เราออกถนนใหญ่ แล้วก็ขับเข้าไปในหมู่บ้าน เค้าก็จะมีใบให้คะแนนเป็นหัวข้อ ให้เราจอดแล้วก็ถอยหลัง คะแนนเต็ม 100 ถ้าถูกหักถึง 30 คะแนนก็จะไม่ผ่าน ตำรวจที่ไปกับเราเป็นผิวดำตัวเบ้อเริ่มเลย สูงมาก เค้าค่อนข้างเงียบ ๆ แต่พอขับเสร็จเค้าก็ฟีดแบคให้เราฟังว่าเธอขับค่อนข้างดีข้อไหน ข้อไหนเธอคำแย่มาก ข้อไหนต้องปรับปรุง เค้าก็จะบอกเราหมด สรุปโดนหักไป 22 คะแนน ก็ผ่านมาแต่โดยดี เราก็เลยขอบคุณตำรวจเค้ายกใหญ่ ที่ให้เราผ่าน กะว่าถ้าไม่ผ่านก็จะมาใหม่ มาทุกวันแหละกว่าจะผ่าน แต่น่าเบื่อตรงต้องมาเข้าแถวรอคิวตั้งแต่ 7 โมงเช้า เค้าจะเปิดตอน 8 โมง แต่ถ้าไปช้าคิวก็จะยาวมาก แถมอาจไม่ทันคิวภายในวันนั้นด้วยเพราะเค้าลิมิตจำนวน เลยต้องยอมไปเข้าคิวแต่เช้า อยากเข้าห้องน้ำมากก็ไปไม่ได้ ต้องยืนตัวแข็งอยู่หยั่งงี้นแหละกว่าจะถึง 8 โมง

วันที่ 17
โอเคเข้าเรื่องซะที กลับมาที่คานาดา คงจำกันได้ว่าล่าสุดอยู่ที่วิสเลอร์ วันนี้เราก็เตรียมจะเดินทางต่อไปที่ กรีนเลค เป็นทะเลสาป เราจะไปพักกับน้องสาวของกอดอน เค้ามีบ้านตากอากาศอยู่ที่นั่น แต่เราต้องซื้ออาหารไปทำกินกัน เพราะแถวนั้นเป็นแค่ทะเลสาป ไม่ใช่เมือง จะไม่มีร้านอาหารอะไรทั้งสิ้น ก็เลยชอปปิ้งซื้อของสดกันก่อนเข้าไป ก็ซื้อของจากที่วิสเลอร์ไป ส่วนใหญ่ก็เป็นพวก หมู เนื้อ ไก่ ผัก นม ผลไม้ ขนมปัง เป็นต้น เราก็ซื้อของอะไรเสร็จก็เริ่มออกเดินทางตอน บ่ายสองโมง ไปถึงกรีนเลคก็ประมาณ 6 โมงครึ่ง ทางเข้าเลคจะมีแค่ร้านของชำหนึ่งร้าน ปั๊มน้ำมันเล็ก ๆ หนึ่งปั๊ม ไปรษณีย์เล็กๆ อยู่ข้าง ๆ กัน นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ เราก็ขับเข้าไปทางคดเคี้ยวผ่านทุ่งหญ้า ป่านไม้ ก็ใช้เวลาประมาณซัก 20 นาที ก็เข้าเขตทะเลสาป แต่ระหว่างทางที่ขับรถผ่านไม่เห็นบ้านคน หรือแม้แต่รถสวนมาเลย เงียบมาก ๆ พอถึงทะเลสาปก็เริ่มมีบ้านคน เค้าก็จะสร้างอยู่ริมทะเลสาป ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านตากอากาศ เค้าก็จะมากันช่วงเสาร์ อาทิตย์หรือวันหยุด เผอิญวันที่เราไป เป็นวันธรรมดาเลยไม่ค่อยมีคน จากถนนลงไปที่ตัวบ้านก็จะเป็นทางลาดลง ก็น่าหวาดเสียวดี เราก็ขับรถลงไปจนถึงตัวบ้าน

รูปนี้จะเป็นบ้านที่เราพัก แต่ถนนที่เราขับลงมาจะเป็นด้านซ้าย ส่วนถนนที่เห็นด้านขวาจะเป็นของบ้านอีกหลังนึง บ้านเค้าจะเป็นสไตล์เคบิน หรือกระท่อม หลังเล็ก ๆ เดินเข้าไปในบ้านก็จะเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นกระจกสามารถนั่งมองดูวิวทะเลสาปได้ แล้วก็มีครัวเล็ก ๆ มีห้องเก็บของ แล้วก็ห้องสมุด อันนี้จะเป็นด้านล่าง ส่วนชั้นบน ก็จะมีห้องนอน 3 ห้อง ห้องน้ำจะอยู่ด้านบนมีแค่ห้องเดียว นึก ๆ แล้วก็ให้บรรยากาศของบ้านในชนบท เวลาเราเดินพื้นมันก็จะดัง กรอบแกรบ เพราะเป็นไม้ ทำให้นึกถึงสมัยตอนเป็นเด็กเวลาไปนอนบ้านคุณยายที่หาดใหญ่ ลักษณะห้องจะคล้าย ๆ กัน ห้องนอนจะเป็นห้องเล็ก ๆ น้ำเค้าจะใช้ดูดขึ้นมาจากทะเลสาป

รูปนี้จะเป็นท่าเรือ คือแต่ละบ้านจะมีท่าเรือของใครของมัน ทุกบ้านจะมีเรือ ด้านหน้าบ้านเราก็สามารถเดินลงไปชายหาดตรงท่าเรือ ลงบันไดไปประมาณ 10 ขั้น ทะเลสาปที่นี่ค่อนข้างใหญ่มาก ตอนหน้าหนาวเค้าบอกว่าน้ำที่เห็น ๆ กันอยู่นี่ก็จะกลายเป็นน้ำแข็ง เล่นเสก็ตได้เลย แต่ถ้ามาหน้าหนาวค่อนข้างจะลำบากเรื่องน้ำ เพราะน้ำในทะเลสาปกลายเป็นน้ำแข็งหมด ต้องขนน้ำจากข้างนอกเข้ามา

วันที่ 18
ลืมบอกไปว่าอากาศที่นี่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น บางวันก็ร้อนบางวันก็เย็น วันนี้เราก็เตรียมก่อกองไฟที่ชายหาดกัน ก็เอาฟืนที่เก็บไว้มาผ่าเตรียมก่อกองไฟ เพราะอากาศมันหนาว


เลียก็ตั้งท่าผ่าฟืนแต่จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้ผ่าหรอก คนที่ผ่าคือพ่อของเธอ เต๊ะท่าถ่ายรูปอย่างเดียว


ก่อกองไฟเสร็จเราก็มานั่งผิงไฟคุยกันที่ชายหาด แล้วก็ย่างฮอทด็อกกินเป็นมื้อเที่ยง



ตอนบ่ายเราก็ออกไปปากซอยไปซื้อของที่ร้านขายของชำ แล้วก็ไปเป็นเพื่อนกอดอนหาสนามกอล์ฟด้วย

ในร้านของชำก็จะมีสตาฟ ตัวบีเวอร์อยู่ เลยถ่ายรูปซะหน่อยเพราะไม่เคยเห็นตัวจริง เคยเห็นแต่ในการ์ตูน ไม่คิดเลยว่าตัวจริงมันจะตัวใหญ่ขนาดนี้ ตัวใหญ่ประมาณซัก 20 นิ้วเห็นจะได้
เราก็ตืี่นเต้นกับเจ้าตัวบีเวอร์มาก ขากลับกอดอนก็เลยพาไปดูบ้าน เจ้าตัวบีเวอร์ อาจจะมองไม่ค่อยชัด ไอ้ที่เป็นสีน้ำตาลสุม ๆ อยู่ในน้ำนั่นแหละเป็นบ้านเจ้าตัวบีเวอร์ มันจะเอาไม้มาทำบ้านมันจะเข้าบ้านโดยว่ายลงไปในน้ำ แล้วก็มุดเข้าไปในบ้าน ซึ่งอยู่เหนือน้ำ แปลกประหลาด กอดอนชี้ให้ดูต้นไม้ใหญ่บางต้นเจ้าตัวบีเวอร์มันกัดโค่นซะไม่เหลือเลย เพราะฟันมันคมมาก เราก็พยายามมองหาเผื่อจะเจอตัวจริงบ้าง แต่ก็ไม่เห็นเสียดายจังเลย ถ้าวันหลังมีโอกาส ต้องไปแอบนั่งรอดูมันให้ได้เลย

วันที่ 19-20 Green Lake

วันที่ 19
แม่กอดอนก็มาพักด้วย เค้าขับรถมาจากอีกเมืองนึง ขับเก่งมาก ขับมาคนเดียว ตั้ง 4 ชม.

รูปนี้ก็ถ่ายรูปร่วมกัน แม่กอดอนชือ ชาล็อตอยู่ขวามือสุดมองไม่ค่อยเห็น ตัวเล็กมาก สูงพอ ๆ กับเราเลย แถมดูจะผอมกว่าเราซะอีก ถัดมาคือน้องสาวกอดอน หน้าตาเหมือนกันยังกะแกะ ผมรองทรงเหมือนผู้ชายเลย ชื่อว่า ชาเมน ส่วนสามีเค้าชื่อว่า มาร์ค เป็นคนที่อารมณ์ดีทั้งคู่


รูปนี้ถ่ายจากในบ้าน ตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ของจริงสีสวยมาก


กิจกรรมหลัก ๆ ที่อยู่ที่นี่คือ ขับเรือ เล่นสกีน้ำ แล้วก็นั่งทรูป ส่วนใหญ่จะดู 2 สาวเล่นซะมากกว่า ส่วนผู้ใหญ่ก็ได้แต่นั่งในเรือ ซ้ายมือคือเคลซีใส่ชุดสำหรับเตรียมเล่นสกี จะต้องใส่ชุดของมันโดยเฉพาะ จะเป็นหนังอย่างหนา เวลาโดนน้ำกระแทกจะได้ไม่เจ็บ

รูปนี้กำลังลาก ทรูป ซึ่งลักษณะกลม ๆ ให้คนนั่งตรงกลางแล้วใช้เรือลาก



รูปนี้เป็นเลียนั่งบนทรูป

อันนี้เป็นสกี อยู่ในช่วงฝึกตอนนี้เคลซีกับเลียยั่งเล่นไม่เป็น เคยฝึกตอนเด็ก ๆ แต่ยังไม่สำเร็จ มาคราวนี้ก็เลยฝึกกันอย่างหนัก ดูเหมือนง่ายนะ แต่ไม่ง่ายเลย จากที่เราดู เพราะต้องเอาเท้าล็อกไว้กับไอ้แผ่นสกี แล้วก็เอามือจับเชือกซึ่งผูกกับเรือให้เรือลาก พอเค้าพร้อม เค้าก็จะตะโกนบอกคนขับว่าพร้อมแล้ว เรือก็จะลาก เค้าก็ต้องพยายามทรงตัว และพยุงตัวขึ้นให้ยืนบนแผ่นสกีให้ได้ ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องใช้พลังแขนแล้วก็ต้องบังคับแผ่นสกีให้ตรงเป็นแนวยาว ซึ่งน้ำมันก็ลื่น เพราะฉะนั้นทุกอย่างเลยเป็นไปได้ยาก ที่สำคญน้ำเย็นมาก จ้างให้ดิชั้นก็ไม่ลงไปเล่นเด็ดขาด อุณหภูมิแค่ 14 องศา เคลซีปากสั่นไปหมดเลย แต่ก็ค่อนข้างอดทน พยายามอยู่นานแต่ก็ไม่สำเร็จ ถึงตาเลียยิ่งยากใหญ่เพราะว่าตัวใหญ่กว่า กอดอนบอกว่าคนตัวเล็กจะได้เปรียบเพราะจะพยุงตัวขึ้นง่ายกว่า ก็ออกมาฝึกกันทุกวัน ๆ ละ 2 รอบ ช่วงสาย ๆ กับตอนบ่าย


และแล้วในที่สุดวันสุดท้ายก่อนกลับเคลซีก็ทำได้สำเร็จ สามารถขึ้นยืนได้ ก็แล่นไปได้ซักพักใหญ่ๆ ถึงจะล้มลง ยกนิ้วให้เลย ความพยายามเธอสูงมาก แต่พอลองใหม่ก็ไม่ได้อีก เกือบได้แต่ไม่ได้ แต่คงจะไม่ยากแล้วเพราะว่าถ้าฝึกบ่อย ๆ คงจะอยู่ตัว แต่โชคร้ายว่าวันนี้เราต้องกลับแล้ว ปีหน้าถึงจะได้มาเล่นใหม่ ไม่รู้ว่าจะต้องรื้อฟื้นอีกนานแค่ไหนถึงจะเล่นได้อีก