Wednesday, March 28, 2007

วัดพุทธาวาส นครฮูสตัน






ตื่นเต้นมากเลยวันนี้จะได้ไปวัดเป็นวันแรก ก็ตื่นแต่เช้าตรู่ เตรียมอาหารไปใส่บาตร ก็ทำอาหารไป 2 อย่าง คือ มัสมั่นไก่ กับต้มจืดมะระหมูสับ ผลไม้กะว่าจะปอกสับปะรดไป แต่สรุปทำไม่ทัน ก็เลยต้องเอาไว้กินเอง ก็ออกจากบ้านตอน 8.30 น. กอดอนไปส่งที่บ้านพี่นวล (จำพี่นวลได้รึเปล่า คนที่เราไปเจอที่ HEB ไง ) บ้านเค้าอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ห่างกันแค่ประมาณ 5 กิโลเห็นจะได้ โหบ้านพี่นวลใหญ่มากเลย ต้องบอกว่าใหญ่มาก ๆ บอกได้คำเดียวเลยว่ารวยมาก ถ้าตัดสินจากตัวบ้าน ใหญ่กว่าบ้านเราตั้ง 5 เท่าเห็นจะได้

ก็นั่งคุยกับแกมาตลอดทาง ถึงได้รู้ว่า โลกเรานี่เล็ก จริง ๆ แกเป็นคนแหลมฉบัง เคยทำงานอยู่ที่ บ.ฟอสเตอร์ วีลเลอร์ และที่สำคัญเป็นญาติพี่ดำ (พาสนา กำมเลศ) ถ้าใครทำงานอยู่ยูนิไทยเกิน 5 ปี จะรู้จักพี่ดำดี แต่ถ้าใครไม่รู้จักพี่ดำ ก็คงจะรู้จักน้าก้อน ฝากบอกน้าก้อนด้วยนะว่า ตอนนี้มาเจอญาติแกที่อเมริกา พอพี่นวลเจอกับสามีที่ทำงานอยู่กับบริษัทเอสโซ่ ก็ออกจากงานย้ายตามสามีมาอยู่ที่นี่ ก็อยู่มาได้ 6 ปีแล้ว แกเอาหลานสาวมาเลี้ยงเป็นลูกชื่อว่า ปราง ตอนนี้อายุ 11 ขวบแล้ว มาเข้าโรงเรียนที่นี่ได้ 4 ปีแล้ว ภาษาอังกฤษปร๋อเลย พี่นวลแกค่อนข้างสวย แบบคมเข้ม รูปร่างผอมบาง ดูเป็นคนน่าเกรงขาม ดูเหมือนดุ แต่ไม่ดุ อายุแกก็ 43 ปี ส่วนสามีแกอายุ 55 ปี

พอมาถึงวัด วัดก็เล็ก ๆ ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก เรามาถึงวัดกันประมาณ 9 โมงกว่า ๆ พี่นวลก็จะต้องเตรียมสื่อการสอนต่าง ๆ เพราะแกเป็นครูอาสาสมัครให้กับทางวัด สอนภาษาไทย ก็มีครูอาสาอยู่ประมาณ 5-6 คน โครงการนี้เป็นโครงการของทาง จุฬา เค้าจะส่งครูอาสามาจากเมืองไทยมาปีละ 1 คน ก็คล้าย ๆ ส่งพวกนิสิตมาฝึกสอนนั่นแหละ แต่ทำคนเดียวไม่ไหวก็จะมีพวกครูอาสาทั้งหลายมาช่วยสอน ก็ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนเด็ก ๆ ลูกครึ่งทั้งหลาย ประมาณ 50 คนเห็นจะได้ เค้าก็แบ่งเป็นห้องละประมาณ 8 คน ส่วนที่เป็นฝรั่งผู้ใหญ่มาเรียนก็มี ก็แบ่งเป็นชั้นเรียนของผู้ใหญ่ แล้วก็มีสอนดนตรีไทย รำไทย เด็ก ๆ ก็ค่อนข้างสนุกสนาน ตอนนี้ถูกชวนให้เข้าไปเป็นครูอาสา เพราะเค้าบอกว่าครูไม่พอ แต่ต้องปรึกษากอดอนก่อน เพราะว่าจะต้องไปทุกอาทิตย์ ไม่แน่ใจว่าจะไปได้รึเปล่า แต่ดู ๆ แล้วก็น่าสนุกดี

ที่วัดก็ค่อนข้างเป็นกันเอง คนไม่เยอะมากมายเหมือนเมืองไทย ก็ไปเจอคนมาทำบุญแค่ประมาณซัก 20 คนเห็นจะได้ ก็ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ปกครองที่พาลูกหลานมาเรียนหนังสือนั่นแหละ เราก็เตรียมอาหารของเราให้ครัว แล้วก็ยกถวายที่โต๊ะอาหารเลย ไม่มีพิธีรีตรองอะไรมาก มีพระอยู่ 9 รูป แล้วก็นั่งสวดกัน ระหว่างที่พระฉัน พอพระฉันเสร็จ เราก็กินต่อ อาหารอร่อย ๆ ทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะขนมจีนน้ำยากุ้ง แปลกดีเค้าใส่กุ้งแทนปลา พอเสร็จจากตรงนี้ เราก็ไปเข้าโบสถ์ นั่งสมาธิต่อ 1 ชม. ก็มีคนมานั่งกันเยอะเหมือนกันประมาณซัก 30 คนได้ มีเด็กวัยรุ่น ๆ ซักประมาณ 4-5 คน นอกนั้นก็จะเป็นคนมีอายุหน่อย

ที่วัดก็จะมีกิจกรรมตลอด วันนี้เค้าก็มีประชุมกันเรื่องจัดงานวันสงกรานต์ เตรียมงานกันใหญ่ว่าจะให้มีกิจกรรมอะไรบ้าง ดูแล้วก็น่าสนุก แต่เรายังใหม่ยังไม่รู้จักใคร ก็ได้แต่คอยเดินตามพี่นวล คุยกับคนนั้นที คุยกับคนนี้ที แล้วก็ต้องรอแกเม้าแตกกับเพื่อน ๆ ครูอาสา อีก 3-4 คน อย่างเมามัน กว่าจะออกจากวัดได้ก็เกือบ 5 โมงเย็น

แนะนำ "บี นิวแมน"

วันนี้ำก็ได้ฤกษ์มาแนะนำเพื่อนใหม่ที่เจอที่มหาลัย เธอชื่อ "บี นิวแมน" จำได้แต่ชื่อเล่น แหะ แหะ

บุคลิกนิสัย เป็นคนเฮฮา ร่าเริง เสียงดัง ติดตลกอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราได้หัวเราะทั้งวัน เป็นสาวขอนแก่น
อายุ 39 ปี รูปร่างอวบเล็กน้อย ผิวสองสี สูงประมาณ 155 ซม. (วันหลังจะส่งรูปมาให้ดู) อยู่อเมริกามาได้ 2 ปีครึ่งแล้ว ภาษาอังกฤษก็ยังสำเนียงไทยอีสานอยู่ แต่ทักษะการฟังเค้าค่อนข้างจะดี สำเนียงเวลาพูดเหมือนสามีอ้อเลย เวลาบีพูดภาษาอังกฤษทีไรนึกถึงเฮียของหนูอ้อทุกทีเลย

ประวัติของเธอก็คือ เป็นสาวโรงงานเย็บผ้าธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แต่งงานกับคนไทยมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกตั้งแต่ตอนเธออายุแค่ 18 ปี มีลูกติดกับสามีคนแรกหนึ่งคน ตอนนี้อายุ 37 ปีแล้ว หลังจากทำงานอยู่โรงงานเย็บผ้า เธอก็ดั้นด้นจะไปทำงานที่เกาหลี เป็นโรงงานอะไรซักอย่าง ก็ติดต่อผ่านนายหน้าเสียเงินค่านายหน้าไป 2 แสนบาท พอไปถึงเกาหลีก็เข้าเมืองไม่ได้ เพราะไม่ผ่านด่าน Immigrations ต้องเข้าไปนอนรอในห้องกักกัน โดนคุมเหมือนนักโทษ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ก็นอนอยู่ในนั้น 1 คืน จะเข้าห้องน้ำก็ต้องมีคนตามไปคุม เธอบอกก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน สรุปก็โดนส่งกลับเมืองไทย แถมเสียเงินไปฟรี ๆ 2 แสนบาท ประมาณว่าโดนหลอกนั่นเอง เธอก็เลยเป็นหนี้ 2 แสน เพราะไปกู้เค้ามา ก็เลยคิดว่าทำยังไงถึงจะใช้หนี้ได้ เพราะตัวเองก็เป็นแค่สาวโรงงานเงินเดือนไม่เท่าไหร่ ก็เลยตัดสินใจสมัครงานไปเมืองนอกอีกครั้งคราวนี้ไปทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดห้องพักในโรงแรมที่สิงคโปร์ คราวนี้ไปรอด ก็ทำไปทำมาก็ไปเจอกับแขกซึ่งเป็นฝรั่ง ที่มาทำงานที่สิงคโปร์ 4 เดือน ก็จะมาพักที่ถาวรที่โรงแรมนี้ แล้วบังเอิญฝรั่งคนนี้ก็มาเห็นเธอที่ลอบบี้ที่โรงแรม แล้วชอบก็เลยติดต่อผ่านเพื่อนเธอที่เป็นชาวสิงคโปร์ ก็เลยคบกันมาเรื่อย ๆ แต่ฝ่ายชายบอกว่าเค้าขอคบแค่เป็นแฟนแบบไม่คิดจะแต่งงานนะ เพราะเค้าเคยอกหักมาเลยไม่ค่อยเชื่อใจว่าจะมีคนจริงใจกับเค้า เพราะเค้าเป็นคนตัวอ้วนมาก เลยไม่มั่นใจว่าจะมีใครมารักเค้าจริง ส่วนบีก็เอาวะไม่แต่งก็ไม่แต่งไม่เป็นไร แต่เค้าก็ดีนะ ให้บีออกจากงาน ใช้หนี้เงิน 2 แสนให้หมด แล้วก็ให้บีกลับไปอยู่เมืองไทย ไม่ต้องทำงานเค้าก็ส่งเงินให้ทุกเืดือน

แต่พออยู่มาวันเค้าไม่สบาย บีก็ดูแล หาน้ำ หายา ให้กิน ดูแลปรนนิบัติอย่างดี จนฝ่ายชายใจอ่อน พอหายป่วยเค้าก็ขอบีแต่งงานทันที เค้าบอกว่าไม่เคยมีใครปรนนิบัติเค้าอย่างนี้มาก่อน เค้าประทับใจมาก ก็ไม่ได้มีพิธีแต่งงานอะไร ก็แค่พาเค้าไปให้แม่ดูตัวที่ขอนแก่น บีบอกคนมารับกันทั้งหมู่บ้าน มาขอถ่ายรูป ขอจับมือ ทุกคนตื่นเต้นกับสามีใหม่ของบีมาก บีบอกวันที่บีโทรกลับไปบอกแม่ว่า "แม่บีจะแต่งงานใหม่นะ" แม่บอก "มึงจะแต่งอีกแล้วเหรอ ยังไม่เข็ดอีกเหรอ ครั้งนี้ครั้งที่ 4 แล้วนะ" บีบอก "แต่คราวนี้เป็นต่างชาตินะแม่" แม่บอก "โอ๊ย แต่งกับสิงคโปร์เหรอ กูไม่เอาหรอกกูไม่ชอบ" บีบอก "ไม่ใช่ฝรั่งแม่ฝรั่ง" แม่บอก" ฝรั่งเหรอ โอ๊ยมักหลายเด้อ" ฟังแล้วก็ขำ แล้วเค้าก็กลับไปสร้างบ้านใหม่ให้แม่บีอยู่

หลังจากเดินเรื่องเอกสารวีซ่าอยู่ปีกว่า ๆ ก็ย้ายมาอยู่ที่อเมริกา โดยพาลูกสาวมาเข้าเรียนที่นี่ด้วย ดูชีวิตเค้ามีความสุขมาก บีบอกวันแรกที่มาอยู่ที่นี่มาเห็นบ้านเค้า แล้วเค้าบอกนี่บ้านเธอนะ ไอ้นี่ก็ของเธอ ไอ้นั่นก็ของเธอ บีบอกรู้สึกมีความสุขมาก เพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะมีบ้าน มีรถ มีสมบัติต่าง ๆ เป็นของตัวเอง เพราะชีวิตเจอแต่ความลำบาก ชีวิตคู่ก็มีปัญหามาตลอด แต่ตอนนี้อยู่กับสามีคนปัจจุบันมาได้ 4 ปีแล้ว ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ นั่งเป็นคุณนายอยู่กับบ้านอย่างเดียว ชีัวิตคนเรานี่ก็แปลกดีนะ

บุคลิก นิสัยเธอจะคล้าย ๆ แสงมณี แต่จะโผงผางกว่า ถ้าใครจบเบญจม จะรู้จัก

เพื่อนใหม่ ชื่อ เอ๋

ตอนไปวัดก็ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเงอะ ๆ เงิ่น ๆ จัดอาหารอยู่ ก็เลยเข้าไปถามเค้าว่าเพิ่งมาวันแรกเหรอ เค้าก็บอกใช่ ก็เลยบอกเค้า ชั้นก็เหมือนกัน เพิ่งมาวันแรก เค้าก็ตื่นเต้นดีใจใหญ่เลย ก็เลยนั่งคุยกันตลอด

เธอชื่อ Kitiya Matthews ชื่อเล่น เอ๋ อายุ 33 ปี เป็นคนอีสาน แต่จำไม่ได้ละว่าจังหวัดอะไร แต่เธอมาโตที่เพชรบูรณ์ เพราะต้องย้ายตามพ่อแม่ แล้วก็เข้ารับราชการเป็นตำรวจหญิงอยู่พักนึง เบื่อ ๆ ก็เลย ย้ายไปทำงานโรงแรมที่ภูเก็ต ปีเดียวกับที่มีซึนามิ แต่โชคดีว่าโรงแรมไม่ได้อยู่ริมชายหาดเลยรอดตายมาอย่างหวุดหวิด รูปพรรณสันฐานก็ ผิวค่อนข้างคล้ำ แต่ไม่ถึงกับดำ ผมยาว ตรง หน้าคมเข้ม พูดจาห้าว ๆ คุยเก่ง ทำไมมาที่นี่เจอแต่คนคุยเก่งก็ไม่รู้ หรือเป็นเพราะแต่ละคนไม่ค่อยได้คุยภาษาไทยก็ไม่รู้นะ เลยปลดปล่อย เธอบอกเธอมาอยู่นี่ได้ 11 เดือนแล้ว ยังไม่มีเพื่อนเลย เหงามาก มาอยู่นี่ใหม่ ๆ ร้องไห้ทุกวันเลยคิดถึงบ้าน ถนนหนทางก็ยังไม่ค่อยรู้ ไปไหนต้องไปกับสามีตลอด สามีเค้าก็น่ารักมาวัดด้วย หน้าตาดี สูง หุ่นดี อายุเท่ากับเอ๋เลย ชื่อ Michael Matthews ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เค้าเจอกันตฝ่ายชายไปเที่ยวภูเก็ตแล้วไปพักที่โรงแรมก็เลยเจอกัน คบกันแค่ไม่กี่เดือนก็แต่งงานกัน แล้วก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ ที่สำคัญบ้านเค้าอยู่ไม่ไกลจากเราเท่าไหร่ ขับรถไป 10 นาทีก็ถึง สรุปก็เลยได้เพื่อนใหม่ ที่อยู่ละแวกบ้านเพิ่มมาอีก 1 คน

ตอนหน้า

ตอนหน้าจะมีรูปของเพื่อน ๆ ที่เรียนบางคนมาแนะนำให้รู้จัก และที่สำคัญวันพุธหน้ามีปาร์ตี้ Ethnic Party ของนักเรียน ESL (English Second Language) ซึ่งจะมารวมกันทั้งหมด แล้วจะมาเล่าให้ฟังว่า สนุก มันส์ ฮา แค่ไหน อย่าพลาดโปรดติดตามตอนต่อไป................................