สาวคนนี้ืชื่อคุณนายซูซี่ เป็นสาวไทยแต่งานกับฝรั่งมา 2 รอบแล้ว อยู่ที่นี่มานานละ รู้สึกจะเกือบ 10 ปีเห็นจะได้
ขออวยพร วอนอ้าง คุณพระพุทธ ได้ปกป้อง ผองมนุษย์ โศกกษัย ขออ้างคุณ พระธรรม อันอำไพ ช่วยคุ้มสัตว์ ทั่วไป ไร้โรคา ขออวยพร วอนอ้าง คุณพระสงฆ์ ช่วยธำรง สุขสันต์ กันทั่วหน้า ข้าร่ำร้อง ลำนำ พร่ำภาวนา ทั่วโลกา สิ้นทุกข์ ผาสุกเอย ... ท่านพุทธาสภิกขุ....
Sunday, April 27, 2008
Happy New Year 2008
มีรูปตกค้างงานปีใหม่เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2007 มาฝาก รูปถ่ายก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก งานจัดขึ้นที่บ้านคุณนายบี คนค่อนข้างหนาแน่นประมาณ 20 กว่าคน แต่เผอิญบ้านเธอเล็ก ก็เลยอยู่กันกระจัดกระจายตามห้องต่าง ๆ
สงกรานต์
ก่อนวันสงกรานต์คือวันศุกร์ เราก็ไปช่วยพี่นวลเสียบหมูที่วัดไทย ครึ่งวันค่อนวัน ก็เล่นเสียบกันเป็นเกือบพันไม้ แล้วหมูปิ้งเค้าไม่ได้เล็ก ๆ เหมือนบ้านเรานะ ชิ้นเบ้อเร่อเห้อ เสียบซะนิ้วคดไปหมด คือว่าเค้าจะเอาไว้ขายวันเสาร์ที่มีงานสงกรานต์ที่วัด เพื่อจะเอาเงินเข้าสมทบทุนโรงเรียนสอนภาษาไทย
ส่วนวันสงกรานต์ที่มีงานจริงวันเสาร์ก็ไม่ได้ไปช่วยพี่นวลขายหมูหรอก เพราะว่าเรากับบีแพลนกันว่า วันเสาร์ที่ 11 เม.ย. มีงานสงกรานต์ที่วัดลาว เราก็เลยกะจะไปขายของกัน เพื่อนบีทีี่ทำงานส่วนใหญ่เป็นคนลาวก็เลยจองโต๊ะขายของให้เรา ก็แบกของไปขายกัน ส่วนบีก็ไปช่วยเพื่อนขายส้มตำ เอาเงินเข้าวัด ส้มตำขายดีมาก ๆ ส่วยเราต้องเฝ้าโต๊ะไปไหนไม่ได้เลย เลยไม่ได้ก็บรูปงานมาฝาก วัดลาวค่อนข้างใหญ่ กว้างขวางกว่าวัดไทยมาก และเค้าก็จัดงานดี ออกแนวสนุก เริ่มตั้งแต่ ใส่บาตร สรงน้ำพระ (พระจริง) มีขบวนแห่ นางงาม ตอนเย็นมีหมอลำซิ่ง มีดนตรี คืองานเค้ามีทั้งวันทั้งคืน เด็ก ๆ ก็เล่นน้ำกันทั้งวัน แต่เราอยู่แค่บ่าย 3 ก็ไปเที่ยวงานที่วัดไทยพุทธาวาสต่อ เพราะที่วัดไทยมีงานตอนเย็น ไม่มีเล่นน้ำเหมือนวัดลาว ไม่ค่อยสนุก
ที่สำคัญที่แตกต่างระหว่างวัดไทยกับวัดลาวที่เห็นชัดคือ เรื่องการแต่งกาย เค้าจะใส่ผ้าซิ่นมางานกันทุกคนเลย เห็นแล้วทึ่ง สวยมาก ๆ เสียดายจังไม่มีรูปมาฝาก เอาไว้ปีหน้า แต่งตัวกันแบบรณรงค์รักษาวัฒนธรรมลาวมาก แต่พอไปวัดไทย ไม่มีใครใส่ชุดไทย หรือนุ่งผ้าถุง ผ้าซิ่นกันเลย มีแต่คนสูงอายุถึงจะใส่ ไม่ดีเลย
อีกเรื่องที่แตกต่างคือคนลาวจะไม่นิยมแต่งงานกับคนต่างชาติ เพราะฉะนั้นเวลาไปวัดลาว จะไม่ค่อยเห็นฝรั่ง มีน้อยมาก ๆ คนลาวส่วนใหญ่อพยพมาอเมริกาตั้งแต่หลังสงครามโลก มันแตกต่างกับคนไทย เค้าก็เลยมากันทั้งผู้หญิงผู้ชายก็แต่งงานกันเอง และเค้าจะสอนลูกสอนหลานไม่ให้แต่งงานกับฝรั่งเพราะเหมือนเป็นผู้หญิ่งไม่ดี แต่ปัจจุบันเด็กรุ่นหลังเริ่มมีค่านิยมที่เปลี่ยนไป ในอนาคตก็คงจะได้เห็นลาวแต่งงานกับฝรั่งมากขึ้น
ประชาชนชาวลาวแวะเวียนกันมาดูของ แต่มาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป แฮ่ ๆ
พักเหนื่อยโทรศัพท์หาสามีก่อน
ส่วนวันสงกรานต์ที่มีงานจริงวันเสาร์ก็ไม่ได้ไปช่วยพี่นวลขายหมูหรอก เพราะว่าเรากับบีแพลนกันว่า วันเสาร์ที่ 11 เม.ย. มีงานสงกรานต์ที่วัดลาว เราก็เลยกะจะไปขายของกัน เพื่อนบีทีี่ทำงานส่วนใหญ่เป็นคนลาวก็เลยจองโต๊ะขายของให้เรา ก็แบกของไปขายกัน ส่วนบีก็ไปช่วยเพื่อนขายส้มตำ เอาเงินเข้าวัด ส้มตำขายดีมาก ๆ ส่วยเราต้องเฝ้าโต๊ะไปไหนไม่ได้เลย เลยไม่ได้ก็บรูปงานมาฝาก วัดลาวค่อนข้างใหญ่ กว้างขวางกว่าวัดไทยมาก และเค้าก็จัดงานดี ออกแนวสนุก เริ่มตั้งแต่ ใส่บาตร สรงน้ำพระ (พระจริง) มีขบวนแห่ นางงาม ตอนเย็นมีหมอลำซิ่ง มีดนตรี คืองานเค้ามีทั้งวันทั้งคืน เด็ก ๆ ก็เล่นน้ำกันทั้งวัน แต่เราอยู่แค่บ่าย 3 ก็ไปเที่ยวงานที่วัดไทยพุทธาวาสต่อ เพราะที่วัดไทยมีงานตอนเย็น ไม่มีเล่นน้ำเหมือนวัดลาว ไม่ค่อยสนุก
ที่สำคัญที่แตกต่างระหว่างวัดไทยกับวัดลาวที่เห็นชัดคือ เรื่องการแต่งกาย เค้าจะใส่ผ้าซิ่นมางานกันทุกคนเลย เห็นแล้วทึ่ง สวยมาก ๆ เสียดายจังไม่มีรูปมาฝาก เอาไว้ปีหน้า แต่งตัวกันแบบรณรงค์รักษาวัฒนธรรมลาวมาก แต่พอไปวัดไทย ไม่มีใครใส่ชุดไทย หรือนุ่งผ้าถุง ผ้าซิ่นกันเลย มีแต่คนสูงอายุถึงจะใส่ ไม่ดีเลย
อีกเรื่องที่แตกต่างคือคนลาวจะไม่นิยมแต่งงานกับคนต่างชาติ เพราะฉะนั้นเวลาไปวัดลาว จะไม่ค่อยเห็นฝรั่ง มีน้อยมาก ๆ คนลาวส่วนใหญ่อพยพมาอเมริกาตั้งแต่หลังสงครามโลก มันแตกต่างกับคนไทย เค้าก็เลยมากันทั้งผู้หญิงผู้ชายก็แต่งงานกันเอง และเค้าจะสอนลูกสอนหลานไม่ให้แต่งงานกับฝรั่งเพราะเหมือนเป็นผู้หญิ่งไม่ดี แต่ปัจจุบันเด็กรุ่นหลังเริ่มมีค่านิยมที่เปลี่ยนไป ในอนาคตก็คงจะได้เห็นลาวแต่งงานกับฝรั่งมากขึ้น
ซุ้มขายของด้านหลังเป็นสระน้ำกับ ที่เก็บอัฐติ บรื๊อววววว
วัดลาวเปิดเพลงอะไรรู้มั้ย ไม่อยากจะบอก "เสือ ธนพล" ฮา ขำกลิ้ง เพลงไทยฮิตจริง ๆ ยังมีศิลปินไทยอื่น ๆ อีกนะ เราก็เลยนั่งร้องเพลงกันไปด้วย เพราะร้องได้แทบจะทุกเพลง
วัดลาวเปิดเพลงอะไรรู้มั้ย ไม่อยากจะบอก "เสือ ธนพล" ฮา ขำกลิ้ง เพลงไทยฮิตจริง ๆ ยังมีศิลปินไทยอื่น ๆ อีกนะ เราก็เลยนั่งร้องเพลงกันไปด้วย เพราะร้องได้แทบจะทุกเพลง
ประชาชนชาวลาวแวะเวียนกันมาดูของ แต่มาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป แฮ่ ๆ
พักเหนื่อยโทรศัพท์หาสามีก่อน
เจ้าบีไม่รู้หายไปไหน เห็นขายส้มตำอยู่เหยง ๆ เผลอแ๊ป๊บเดียวไปโผล่อยู่บนรถขบวนแห่ เราก็ว่าใครวะหน้าคุ้น ๆ ทั้งเต้นทั้งดื่ม เปียกโชกไปหมด แล้วเธอก็ติดพันขบวนแห่เลิก แต่เธอไม่เิลิก ทั้งดิ้นทั้งดริ้งค์ ต่อยัน 4 ทุ่ม ก็เลยทิ้งหล่อนไว้นั่นแหละ ส่วนเรากับลูกสาวหล่อนแล้วก็นิดกับลูกชาย เจ้าเมสัน ก็ไป ทัวร์วัดกันเอง แล้วก็ให้สามีหล่อนไปรับกลับบ้าน เจ๊บีหล่อนไม่เจียมสังขารว่าแก่แล้ว เปิดมาวันจันทร์เดี้ยงไปทำงานไม่ได้ไข้กินไปทั้งอาทิตย์ เฮ่อ สังขาร
อันนี้ที่วัดไทยพุทธาวาส ก็เริ่มมีงานต่อนบ่ายค่อนเย็น ซุ้มอาหารเยอะมาก เยอะกว่าวัดลาว อาหารก็็กินได้มากกว่า คนเริ่มทยอยมา แต่จะมาหนาแน่นก็ตกเย็น เพราะมีการประกวดเทพีสงกรานต์กัน แต่เราแค่หาอะไรกิน แล้วก็กลับเพราะรู้สึกเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วกับการขายของ (ทำเหมือนขายได้เลยนะ) ก่อนกลับก็เข้าไปไหว้พระในพระอุโบสถขอพรปีใหม่ไทยซะหน่อย
สรงน้ำพระหน้าพระอุโบสถ
วันรุ่งขึ้นวันอาทิตย์ ที่ 12 เม.ย. ที่วัดไทยพุทธาวาส ก็มีตักบาตรกันแต่เช้า แต่ขอโทษไปไม่ทันเพราะคุณนายบีขาเดี้ยงเต้นมากไปหน่อย กว่าจะ กระเผลก กระเผลกมาได้ มาถึงก็กินลูกเดียว มีของขายเยอะเหมือนเคย ก็สั่งราดหน้า ข้าวขาหมู่ หอยทอด เย็นตะโฟ ข้าวเหนียวทุเรียนมากินกัน กินเสร็จเราจะเข้าไปฟังเทศน์ในอุโบสถซะหน่อยก็ไม่ได้ เพราะเกรงใจเพื่อน ๆ ทั้งหลายต้องรอ เพราะหล่อนเป็นคริสต์กันไม่เข้าโบสถ์ เฮ่อเวรกรรม ไม่รู้จะเปลี่ยนไปเป็นคริสต์กันทำไม ไอ้พวกเอาใจสามีไม่เป็นตัวของตัวเองกันเลย แต่ก็เอาเหอะทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีเหมือน ๆ กัน ขนทรายเข้าวัดซะหน่อย
พอออกจากวัดพุทธาวาส เราก็ลองไปต่อกันอีกวัดนึง เป็นวัดป่า ไม่เคยไปกันก็เลยกะจะลองไปสำรวจดู พอไปถึง มันบ่ายแล้ว เค้าก็เลิกรากลับบ้านกันไปเกือบหมดแ้ล้ว ก็เป็นวัดป่าเพิ่งสร้างเป็นวัดเล็ก ๆ ประวัติคือคนไทยมีที่ดินอยู่ตรงนี้และเป็นคนธรรมะธรรมโมก็เลยแบ่งที่ดินบริจาคเพื่อก่อตั้งเป็นวัดป่าขึ้นมา และอันเชิญพระมาอยู่ที่นี่ คนยังไม่ค่อยรู้จักเพราะเป็นวัดใหม่ และเล็กมาก
Subscribe to:
Posts (Atom)