Sunday, April 27, 2008

Happy New Year 2008

มีรูปตกค้างงานปีใหม่เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2007 มาฝาก รูปถ่ายก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก งานจัดขึ้นที่บ้านคุณนายบี คนค่อนข้างหนาแน่นประมาณ 20 กว่าคน แต่เผอิญบ้านเธอเล็ก ก็เลยอยู่กันกระจัดกระจายตามห้องต่าง ๆ

สาวคนนี้ืชื่อคุณนายซูซี่ เป็นสาวไทยแต่งานกับฝรั่งมา 2 รอบแล้ว อยู่ที่นี่มานานละ รู้สึกจะเกือบ 10 ปีเห็นจะได้

ซูซี่ , ปู , อุ้ม , นิด
อุ้ม , เอ๋

ถ่ายรวมมิตร ไม่รู้ใครเป็นใคร เราก็รู้จักไม่หมดหรอกเพราะส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อน ๆ ที่โบสถ์ของคุณนายบีเค้า บางคนกลับไปแล้วก็มี

นี่เป็นครั้งแรกที่เผยโฉมสามีบีให้เห็น เป็นไงบ้าง ตัวเล็กมั้ย คนที่ใส่เสื้อสีส้มไง เห็นหยั่งงี้ใจดีมาก ๆ โรแมนติกมาก ๆ

ขอตัวกลับก่อนประมาณ 4 ทุ่ม รอจุดพลุ Count down ตอนเที่ยงคืนไม่ไหว อุ้มเลยบอกก่อนกลับให้จุดพลุก่อน 1 ดอก เอ้า เอาก็เอา แต่ไม่รู้ทำไมตากล้องถึงไม่ถ่ายพลุ มาถ่ายคนจุด เลยไม่เห็นความสวยของพลุเลย
กล่าวอำลาเจ้าภาพ Happy New Year 2008 เสร็จเรียบร้อยก็เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
ชีวิตผ่านไปอีก 1 ปี

สงกรานต์

ก่อนวันสงกรานต์คือวันศุกร์ เราก็ไปช่วยพี่นวลเสียบหมูที่วัดไทย ครึ่งวันค่อนวัน ก็เล่นเสียบกันเป็นเกือบพันไม้ แล้วหมูปิ้งเค้าไม่ได้เล็ก ๆ เหมือนบ้านเรานะ ชิ้นเบ้อเร่อเห้อ เสียบซะนิ้วคดไปหมด คือว่าเค้าจะเอาไว้ขายวันเสาร์ที่มีงานสงกรานต์ที่วัด เพื่อจะเอาเงินเข้าสมทบทุนโรงเรียนสอนภาษาไทย

ส่วนวันสงกรานต์ที่มีงานจริงวันเสาร์ก็ไม่ได้ไปช่วยพี่นวลขายหมูหรอก เพราะว่าเรากับบีแพลนกันว่า วันเสาร์ที่ 11 เม.ย. มีงานสงกรานต์ที่วัดลาว เราก็เลยกะจะไปขายของกัน เพื่อนบีทีี่ทำงานส่วนใหญ่เป็นคนลาวก็เลยจองโต๊ะขายของให้เรา ก็แบกของไปขายกัน ส่วนบีก็ไปช่วยเพื่อนขายส้มตำ เอาเงินเข้าวัด ส้มตำขายดีมาก ๆ ส่วยเราต้องเฝ้าโต๊ะไปไหนไม่ได้เลย เลยไม่ได้ก็บรูปงานมาฝาก วัดลาวค่อนข้างใหญ่ กว้างขวางกว่าวัดไทยมาก และเค้าก็จัดงานดี ออกแนวสนุก เริ่มตั้งแต่ ใส่บาตร สรงน้ำพระ (พระจริง) มีขบวนแห่ นางงาม ตอนเย็นมีหมอลำซิ่ง มีดนตรี คืองานเค้ามีทั้งวันทั้งคืน เด็ก ๆ ก็เล่นน้ำกันทั้งวัน แต่เราอยู่แค่บ่าย 3 ก็ไปเที่ยวงานที่วัดไทยพุทธาวาสต่อ เพราะที่วัดไทยมีงานตอนเย็น ไม่มีเล่นน้ำเหมือนวัดลาว ไม่ค่อยสนุก

ที่สำคัญที่แตกต่างระหว่างวัดไทยกับวัดลาวที่เห็นชัดคือ เรื่องการแต่งกาย เค้าจะใส่ผ้าซิ่นมางานกันทุกคนเลย เห็นแล้วทึ่ง สวยมาก ๆ เสียดายจังไม่มีรูปมาฝาก เอาไว้ปีหน้า แต่งตัวกันแบบรณรงค์รักษาวัฒนธรรมลาวมาก แต่พอไปวัดไทย ไม่มีใครใส่ชุดไทย หรือนุ่งผ้าถุง ผ้าซิ่นกันเลย มีแต่คนสูงอายุถึงจะใส่ ไม่ดีเลย

อีกเรื่องที่แตกต่างคือคนลาวจะไม่นิยมแต่งงานกับคนต่างชาติ เพราะฉะนั้นเวลาไปวัดลาว จะไม่ค่อยเห็นฝรั่ง มีน้อยมาก ๆ คนลาวส่วนใหญ่อพยพมาอเมริกาตั้งแต่หลังสงครามโลก มันแตกต่างกับคนไทย เค้าก็เลยมากันทั้งผู้หญิงผู้ชายก็แต่งงานกันเอง และเค้าจะสอนลูกสอนหลานไม่ให้แต่งงานกับฝรั่งเพราะเหมือนเป็นผู้หญิ่งไม่ดี แต่ปัจจุบันเด็กรุ่นหลังเริ่มมีค่านิยมที่เปลี่ยนไป ในอนาคตก็คงจะได้เห็นลาวแต่งงานกับฝรั่งมากขึ้น

ซุ้มขายของด้านหลังเป็นสระน้ำกับ ที่เก็บอัฐติ บรื๊อววววว
วัดลาวเปิดเพลงอะไรรู้มั้ย ไม่อยากจะบอก "เสือ ธนพล" ฮา ขำกลิ้ง เพลงไทยฮิตจริง ๆ ยังมีศิลปินไทยอื่น ๆ อีกนะ เราก็เลยนั่งร้องเพลงกันไปด้วย เพราะร้องได้แทบจะทุกเพลง

ประชาชนชาวลาวแวะเวียนกันมาดูของ แต่มาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป แฮ่ ๆ
พักเหนื่อยโทรศัพท์หาสามีก่อน
เจ้าบีไม่รู้หายไปไหน เห็นขายส้มตำอยู่เหยง ๆ เผลอแ๊ป๊บเดียวไปโผล่อยู่บนรถขบวนแห่ เราก็ว่าใครวะหน้าคุ้น ๆ ทั้งเต้นทั้งดื่ม เปียกโชกไปหมด แล้วเธอก็ติดพันขบวนแห่เลิก แต่เธอไม่เิลิก ทั้งดิ้นทั้งดริ้งค์ ต่อยัน 4 ทุ่ม ก็เลยทิ้งหล่อนไว้นั่นแหละ ส่วนเรากับลูกสาวหล่อนแล้วก็นิดกับลูกชาย เจ้าเมสัน ก็ไป ทัวร์วัดกันเอง แล้วก็ให้สามีหล่อนไปรับกลับบ้าน เจ๊บีหล่อนไม่เจียมสังขารว่าแก่แล้ว เปิดมาวันจันทร์เดี้ยงไปทำงานไม่ได้ไข้กินไปทั้งอาทิตย์ เฮ่อ สังขาร
อันนี้ที่วัดไทยพุทธาวาส ก็เริ่มมีงานต่อนบ่ายค่อนเย็น ซุ้มอาหารเยอะมาก เยอะกว่าวัดลาว อาหารก็็กินได้มากกว่า คนเริ่มทยอยมา แต่จะมาหนาแน่นก็ตกเย็น เพราะมีการประกวดเทพีสงกรานต์กัน แต่เราแค่หาอะไรกิน แล้วก็กลับเพราะรู้สึกเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วกับการขายของ (ทำเหมือนขายได้เลยนะ) ก่อนกลับก็เข้าไปไหว้พระในพระอุโบสถขอพรปีใหม่ไทยซะหน่อย
สรงน้ำพระหน้าพระอุโบสถ
วันรุ่งขึ้นวันอาทิตย์ ที่ 12 เม.ย. ที่วัดไทยพุทธาวาส ก็มีตักบาตรกันแต่เช้า แต่ขอโทษไปไม่ทันเพราะคุณนายบีขาเดี้ยงเต้นมากไปหน่อย กว่าจะ กระเผลก กระเผลกมาได้ มาถึงก็กินลูกเดียว มีของขายเยอะเหมือนเคย ก็สั่งราดหน้า ข้าวขาหมู่ หอยทอด เย็นตะโฟ ข้าวเหนียวทุเรียนมากินกัน กินเสร็จเราจะเข้าไปฟังเทศน์ในอุโบสถซะหน่อยก็ไม่ได้ เพราะเกรงใจเพื่อน ๆ ทั้งหลายต้องรอ เพราะหล่อนเป็นคริสต์กันไม่เข้าโบสถ์ เฮ่อเวรกรรม ไม่รู้จะเปลี่ยนไปเป็นคริสต์กันทำไม ไอ้พวกเอาใจสามีไม่เป็นตัวของตัวเองกันเลย แต่ก็เอาเหอะทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีเหมือน ๆ กัน ขนทรายเข้าวัดซะหน่อย
พอออกจากวัดพุทธาวาส เราก็ลองไปต่อกันอีกวัดนึง เป็นวัดป่า ไม่เคยไปกันก็เลยกะจะลองไปสำรวจดู พอไปถึง มันบ่ายแล้ว เค้าก็เลิกรากลับบ้านกันไปเกือบหมดแ้ล้ว ก็เป็นวัดป่าเพิ่งสร้างเป็นวัดเล็ก ๆ ประวัติคือคนไทยมีที่ดินอยู่ตรงนี้และเป็นคนธรรมะธรรมโมก็เลยแบ่งที่ดินบริจาคเพื่อก่อตั้งเป็นวัดป่าขึ้นมา และอันเชิญพระมาอยู่ที่นี่ คนยังไม่ค่อยรู้จักเพราะเป็นวัดใหม่ และเล็กมาก