Friday, March 23, 2007

Kingwood College


รูปนี้คือ Kingwood College เป็นด้านข้าง โดยปกติ ดิชั้นจะจอดรถด้านนี้แล้วก็เดินตามถนนเส้นนี้ทุกวัน ตึกที่เห็นด้านหน้าเป็นตืกเรียนชื่อ Health and Science Building แต่ตึกที่ดิชั้นเรียนอยู่ด้านซ้ายถัดไปนิดนึง เป็นอาคารห้องสมุด เราเรียนชั้น 2 ของห้องสมุด เด็กนักเรียนที่นี่ส่วนใหญ่จะใช้เป้แบบมีล้อลาก เพราะแบกหนังสือกันไม่ไหว หนักมาก หยั่งผู้หญิงเสื้อเขียวในรูป เหมือนลากกระเป๋ากันในสนามบินเลย



ตึกนี้เป็นตึกลงทะเบียน ชื่อตึก AFS เป็นตึกที่เรามาสอบวันแรก แล้วก็มีพวกห้องแล็บ โรงละคร ร้านหนังสือ ห้องอาหาร เป็นต้น เดี๋ยวว่าง ๆ จะถ่ายรูปส่วนอื่น ๆ มาให้ดู วันนี้เอาแค่ 2 รูปก่อนนะจ้ะ




English Class

อาทิตย์นี้ก็ยุ่งอยู่กับการเรียนภาษาอังกฤษ เรียนหนักมาก เลยไม่มีเวลาเขียนอีเมลล์เลย แต่โชคดีว่าเรียนแค่วันจันทร์ ถึง พฤหัส วันนี้วันศุกร์เลยมีเวลามานั่งเขียนอีเมลล์

ปกติจะออกจากบ้านไปเรียนประมาณ 9.15 น. ก็ใช้เวลาขับไปประมาณ 20 นาที ก็ถึง และยังมีเวลาเดินเตร็ดเตร่ก่อนเข้าห้องเรียน เริ่มเรียนวิชาแรกตอน 10.00 น. Grammar and Writing ก็มีเพื่อนร่วมชั้นเรียนประมาณ 13 คน อาจารย์ที่สอนก็ใจดีมาก ยังสาว ๆ อยู่เลย ชื่อ Ann ส่วน Classmates ก็มีมากจากหลากหลายที่ เช่น เอลซาวาดอ เม็กซิโก ปากีสถาน ญี่ปุ่น รัสเซีย แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นพวกเม็กซิกัน และก็พูดภาษาสแปนิช เค้ามาอยู่ที่อเมริกากันบางคนเป็น 10 ปีแล้ว แต่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เพราะที่เท็กซัส เราใช้ 2 ภาษา คืออังกฤษกับสแปนิช เค้าก็เลยอยู่ได้ถึงแม้จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ บางคนพูดเก่งมาก เช่น สาวจากรัสเซีย ชื่อ อาล่า อยู่อเมริกามา 12 ปี พูดเป็นสำเนียงอเมริกันเลย แต่เวลาเขียน เขียนไม่ได้เราต้องคอยช่วยตลอด แต่พอถึงเวลาพูดเค้าจะเป็นฝ่ายช่วยเรา ผลัดกัน อิ..อิ.... อ้อแล้วก็เจอคนไทยด้วยชื่อ บี เดี๋ยวจะเล่าประวัติบีให้ฟังน่าสนใจมาก เรียนจนถึงเที่ยงก็พัก 1 ชม.

อาหารเที่ยงของเราก็ง่าย ๆ ต่างคนต่างก็พกของกินกันมาส่วนใหญ่ก็เป็นพวกขนมปัง โยเกิร์ต น้ำ นม แล้วก็นั่งคุยกันเสียงดังสนั่นไปหมด เสร็จแล้วก็รอเรียนต่อตอน 13.00 น. บางคนก็ไม่มีเรียน บางคนก็แยกย้ายกันไปเรียน Level ต่างกัน แล้วแต่ว่าใครสอบได้เลเวลไหน ส่วนเราก็แยกไปเรียน Speaking and Listening II ก็มีเพื่อนร่วมห้องที่มาจากตอนเช้าด้วยกัน 1 คน คือ Marcos เป็นเด็กผู้ชายอายุ 17 ขวบ กำลังรอเรียนต่อมหาลัยที่นี่ ก็เลยมาเก็บเครดิตภาษาอังกฤษ ตอนบ่ายมีเพื่อนร่วมเรียนแค่ 8 คน อาจารย์ชื่อ Laula ดูดุกว่า Ann จะหงุดหงิดง่ายถ้าใครคุยกัน แต่รวม ๆ ก็โอเค

การสอนของที่นี่ค่อนข้างดีกว่าเวลาเราไปเรียนที่ AUA จากประสบการณ์ตัวเองเวลาไปเรียนที่ AUA คนเรียนจะเยอะแล้วก็จะไม่ค่อยได้พูดเท่าไหร่ แต่ที่นี่เราจะได้พูดเยอะมาก เค้าจะให้เรายกตัวอย่างประโยคอยู่ตลอด และจะโดนเรียกให้พูดตลอด หยั่งวิชา Speaking and Listening อาทิตย์นี้เค้าก็สอนเราเรื่อง แกรมม่า present tense แล้วก็การแนะนำตัวเอง การอธิบายรูปพรรณสันฐานของคน หรือ สัตว์ เป็นต้น พอวันสุดท้ายของสัปดาห์เค้าก็ให้เราทำ presentation มากัน ใช้เวลาคนละ 10-15 นาที หารูปภาพมาประกอบ เป็นการแนะนำคนในครอบครัว แนะนำงานอดิเรก เป็นต้น ก็สนุกสนานดี บางคนก็พูดไม่ค่อยได้ แต่ก็พยายามพูด เราก็ลุ้นกันเกือบตาย ก็จะไม่มีการหัวเราะเยาะกัน ส่วนใหญ่ก็จะคอยช่วยเหลือกันให้กำลังใจกัน ทุก ๆ คนน่ารักมาก แต่เผลอไม่ได้เค้าชอบพูดภาษาสเปนกัน เราก็จะฟังไม่รู้เรื่อง อาจารย์ก็จะคอยดุว่าอย่าพูดภาษาสเปนในห้อง หรืออย่าพูดภาษาอื่นในห้องเด็ดขาด อ้อลืมบอกไปอาจารย์ชื่อ Laula

ส่วนหนังสือเรียนที่นี่ก็สุด ๆ ถ้าใครเคยเรียน AUA หนังสือที่นี่หนากว่าที่ AUA ห้าเท่าเห็นจะได้ แถมวิชา ละ 2 เล่ม เพราะฉะนั้นดิชั้นต้องหอบหนังสืออย่างหนาไปเรียนถึง 4 เล่ม แถมมีการบ้านตบท้ายทุกวัน ตอนนี้หืดขึ้นคอมาก

ชื่อเพื่อนก็จำย้าก ยาก ยังจำได้ไม่หมดเลย จำได้แค่ Paula, Gloria, Verronica, Jakkarin, Ali, Marcos, Recke, Maria, Ala, Satayana, Abraham, Obis , Maerine, bretiz

อ้อถามมาว่า

จากฉบับที่แล้ว อ้อ ถามว่าเลียสูงกว่าเคลซีใช่หรือเปล่า ใช่แล้วจ้า ตัวใหญ่กว่าเพราะกินเก่งกว่า ชอบกินชีสเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนเคลซีไม่ค่อยกิน กินน้อยกว่าเราอีก

วันนี้คงจะต้องแค่นี้ก่อน เพราะจะต้องขับรถไปบ้านบี เพราะนักกันไว้ว่าจะไปชอปปิ้งอาหารไทย ที่ร้านเอเซียมาเก็ตในตัวเมืองฮูสตัน จำกันได้รึเปล่าร้านที่เคยไปกับกอดอน แต่คราวนี้กอดอนบอกเธอไปกับเพื่อนเธอแล้วกัน แต่ยังไม่เคยไปบ้านบีเลย ต้องหาแผนที่ทางไปบ้านเค้าในเว็บไซด์ ตลกดีนะที่นี่เค้าไม่วาดแผนที่ให้กัน อยากรู้ก็ไปเปิดหาใน Yahoo เอาเอง ก็ได้แผนที่มาเรียบร้อย แต่ไม่รู้ว่าจะหลงรึเปล่า เดี๋ยวก็รู้ แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟัง ดูจากแผนที่ บ้านเค้าอยู่คนละเมืองกับเรา ของเราคือ คิงวูด ของเค้าคือ ฮัมเบิ้ล Humble แต่อยู่ไม่ไกลจากเราเท่าไหร่ น่าจะประมาณซัก 30 กิโล แล้วฉบับหน้าจะมาเล่าเรื่องของบีให้ฟัง

Sunday, March 18, 2007

Key West - Spring Break

และแล้วก็กลับไปที่คีเวสท์อีกครั้ง คราวนี้ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ และคาดว่าไม่น่าจะสนุกเพราะมี 2 สาวไปด้วย ก็ออกเดินทางแต่เช้าวันจันทร์ที่ 12 มี.ค. ออกจากบ้าน 06.00 น. เคลซีอาการไม่ค่อยดี อ้วกมาตลอดทาง เหมือนอาหารจะเป็นพิษ แล้วก็เข้าห้องน้ำตลอด ฝนก็ตกแต่เช้า ค่อนข้างทุลักทุเล แถมพอขึ้นเครื่องตอน 08.00 น. เครื่องก็ไม่สามารถออกได้เพราะฝนตกหนักเลยต้องหนักติกแหง็กอยู่ในเครื่องประมาณ 2 ชม. คิดดูก็แล้วกันว่ามันน่าเบื่อขนาดไหน เครื่องสามารถออกได้ตอนเกือบ 11.00 น. และใช้เวลาบิน 2.30 ชม. ก็ไปต่อเครื่องที่ไมอามี่ สรุปไปต่อเครื่องไม่ทันเพราะไฟลท์จากฮูสตันไปไมอามี่ดีเล ก็เลยต้องไปติดแหง็กอยู่ที่ไมอามี่เกือบ 3 ชม. สามารถขึ้นเครื่องไปคีเวสได้ตอน 5 โมงเย็น โอ๊ยไม่รู้ว่าเป็นวันอะไร ไปถึงคีย์เวสท์ ตอน 6 โมงเย็น ใช้เวลาเดินทาง 1 วันเต็ม ๆ แถมไปรอกระเป๋า ไม่มีกระเป๋า่ของเราอีก โอ๊ยอยากจะบ้า กอดอนก็เลยไปเช็คที่เคาน์เตอร์ปรากฎว่ากระเป๋าเดินทางมาก่อนเรามาพร้อมกับไฟลท์ที่เรามาไม่ทัน ตลกดี อากาศที่คีเวสท์ ก็ดีเหมือนเดิมอากาศเย็นสบาย แต่ลมค่อนข้างแรง

Helmingways







รูปนี้เป็นบ้านที่เอามาเปิดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ของนักเขียนชื่อ Helmingways ซึ่งมีผลงานหนังสือที่มีชื่อเยอะแยะมากมาย มีคนเข้าดูค่อนข้างเยอะ ในรูปที่เป็นรูปถ่ายจะเป็นรูปของเค้าตั้งแ่ต่สมัยเด็กจนแก่




Tortugas Natural Park






วันนี้เราจะไปที่ Tortugas Natural Park กัน ป้อมปราการกลางทะเลในสมัยสงครามโลก สามารถไปได้ 2 ทางคือ ทางอากาศ กับทางทะเล เราเลือกที่จะไปทางอากาศกันเพราะว่าใช้เวลาน้อยกว่าเยอะ เพียงแต่จ่ายมากกว่า ในรูปที่เห็นคือ Seaplane เครื่องบินเล็กซึ่งบินได้ทั้งบนอากาศและผิวน้ำ น่าตื่นเต้นมาก เพราะเป็นเครื่องบินเล็กนั่งได้แค่ 6 คน รวมคนขับ แต่ที่ไปก็มีแค่เรา 4 คน รวมนักบินก็เป็น 5 คน โอ๊ยหัวใจจะวายตอนสตาร์ทเครื่องเสียงดังมาก และก็เครื่องสั่นรัวไปหมด จะไม่มีแอร์ แต่จะมีช่องสำหรับเปิดให้อากาศเข้ามาข้างใน ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที เวลาลงจอดก็จะใช้ส่วนล่างแล่นลงบนผิวน้ำ น่าตื่นเต้นมาก ๆ กลัวมันจะจมลงไปในทะเล อิชั้นต้องใช้ยาดมดมมาตลอดทาง อยากให้เพื่อน ๆ ได้มานั่งจังเลย ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสมาสัมผัสเครื่องบินเรียกว่าแค่ 2 เดือน ได้นั่งมันตั้งแต่ขนาดใหญ่ โบอิ้ง 747 ยันเครื่องบิน 18 ที่นั่ง มาจนถึง ซีเพลน เครื่องบินครึ่งน้ำครึ่งอากาศ นั่งได้แค่ 6 คน มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้คุ้มดีจริง ๆ

รูปขวามือจะเป็นภาพถ่ายทางอากาศที่เราถ่ายจากบนเครื่องบิน เห็นปีกเครื่องบินอยู่ไหว ๆ มุมซ้าย ฮิ..ฮิ ..
เป็นภาพถ่ายของ Totugas Natural Park
รูปซ้ายมือคือ Seaplane สังเกตว่าจะมีคนแคระอยู่ 1 คน ในรูป

Fort Jefferson






Tortugas Natural Park



จะมีเกาะเล็กเกาะน้อยมีหาดทรายให้เล่นน้ำ แต่ที่เราไปแวะคือ Fort Jefferson ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับรูปที่ถ่ายทางอากาศ เป็นป้อมปราการปืนใหญ่ตั้งแต่สมัยสงครามโลก และที่ชื่อว่า Tortugas Natural Park เพราะว่าหน้าฤดูวางไข่จะมีเต่ามาวางไข่เป็นจำนวนมาก


















เราสามารถเดินได้รอบทั้งด้านล่างและด้านบนของป้อมปราการ มองจากด้านบน จะมองเห็นวิวชายหาดและทะเลที่สวยงามมาก น้ำทะเลใสแจ๋ว









Tottugas Natural Park ดำน้ำกันดีกว่า




หลังจากเดินรอบป้อมจนเหนื่อยแล้วก็แปลงร่างเป็นมนุษย์กบดำน้ำต่อ เรายังมีเวลาเหลืออีก 1 ชม. ก่อนที่เครื่องบินจะกลับมารับ แต่อิชั้นไม่ได้เล่นน้ำกับเค้าหรอกเพราะขี้เกียจตัวเหนียว น้ำจืดล้างตัวก็ไม่มี ไหนจะต้องนั่งเครื่องบินกลับไปอีกเกือบชั่วโมง แล้วยังต้องนั่งรถต่อไปโรงแรมอีก






ก็เลยขอตัวไปถ่ายรูปนกทะเลเล่นดีกว่า


The Pirate Museum

พิพิธภัณฑ์โจรสลัด ต้นกำเนิดของเรื่อง Pirate of the Carribians เราถ่ายรูปได้เฉพาะด้านนอก ด้านใน่เค้าไม่ให้ถ่าย แต่น่าสนใจมากเลย จะเป็นของใช้ และอาวุธต่าง ๆ ของโจรสลัดที่ชื่อ กัปตันคิด Capt. Kidd โอ๊ยน่ากลัวมาก เป็นโจรสลัดที่ฆ่าคนเยอะมากและโหดร้ายมาก ถูกจับได้ในปี 1699 และถูกแขวนคอประจานในปี 1700 เค้าทำบรรยากาศในพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างน่ากลัวเป็นการจำลอง เรือโจรสลัด จะมีเสียงกัปตันคิดก้องอยู่ตลอด อาวุธที่ใช้ฆ่าคนก็มีทั้งดาบ ทั้งปืน มีของที่ปล้นมาได้จากเรือที่เป็นคนจีนก็มี




จะมีห้องอยู่ห้องนึงเราก็เปิดประตูเข้าไปเป็นห้องแคบ ๆ ขนาด 2 คูณ 2 ม. แล้วก็มีหูฟัง เราก็ปิดประตู แล้วก็เอาหูฟังมาใส่ ไฟในห้องก็ดับอัตโนมัติ มืดมาก ๆ มองกันไม่เห็นเลย รู้สึกใจหายยังไงก็ไม่รู้ แล้วก็มีเสียงดังมาจากหูฟังเห็นเสียงกัปตันคิด คอยพูดหูใส่เราหูซ้ายที หูขวาที เสียงน่ากลัวมาก และก็ได้ยินเสียงคลื่น เสียงปืน โอ๊ย ทำได้น่ากลัวจริง ๆ ดีนะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องว่าเค้าพูดอะไร ก็ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ไฟก็เปิด เฮ่อ น่าเอามาทำในบ้านเราบ้างตามพิพิธภัณฑ์ แถวอยุธยา หรือ สุโขทัย ที่มีการรบกับพม่า น่าจะดี ได้บรรยากาศของจริงดี


สรุปภาพรวม

สรุปโดยรวม ๆ แล้ว ทริปนี้ก็มีอะไรน่าตื่นเต้นดี ที่สำคัญได้ไปทริปทัวร์ผีด้วย Ghost Tour ไปตอน 2 ทุ่ม ก็จะมีคนนำแต่งตััวเหมือนแดร็คคิวล่า พาไปดูสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการฆ่ากัน เป็นบ้านร้าง และก็ไปที่โบสถ์ ก็ให้เราถ่ายรูปเค้าบอกถ้าโชคดีจะได้เห็นวิญญาณปรากฎในรูปภาพ แต่เราไม่ถ่ายหรอก ไม่อยากเห็น ฮี่ ฮี่ แล้วก็ให้ไปยืนเบียดกันหน้าโรงแรมร้าง แล้วก็ถามเราว่ารู้สึกอะไรบ้าง บางคนก็บอกได้กลิ่นซิการ์ บางคนก็บอกได้กลิ่นไหม้ ส่วนเราไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย แต่มองเข้าไปบรรยากาศมันก็น่ากลัวอยู่ ก็สนุกดี ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ครึ่ง

แต่ที่ไม่ค่อยสนุกเลยคือต้องเดินตามลูกเค้าอย่างเดียว แล้วแต่ว่าเค้าอยากไปไหน อยากกินอะไร คิด ๆ ดูถ้ามากับเพื่อนคงสนุกกว่ากันเยอะเลย

ส่วนเคลซีเอาแต่ใจตัวเองค่อนข้างมาก หน้าหงิกหน้างออยู่ตลอดเวลา ไม่เหมือนเลียค่อนข้างร่าเริง สนุกสนาน เป็นพี่น้องที่ดูไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ ไม่ค่อยคุยกันไม่เหมือน พี่นกกับพี่ไก่ (พี่สาวของดิฉันเอง) แล้วคู่นี้ก็มีเรื่องทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา เคลซีเป็นพี่สาวที่ไม่ค่อยเสียสละให้น้องเท่าไหร่ มีอะไรก็จะเอาก่อน อาบน้ำก็จะอาบก่อน พ่อเค้าก็คอยเอาใจแต่เคลซี ส่วนใหญ่จะบอกให้เลียตามใจพี่สาว ไม่รู้ทำไม แต่เลียก็จะโวยวายไม่ค่อยยอมเหมือนกัน นั่งเครื่องบินพ่อเค้ายังต้องนั่งกับเคลซีเลย ไม่รู้เีลียจะน้อยใจบ้างรึเปล่า

เลียบุคลิกจะคล้าย ๆ กับ บี ถ้าใครอยู่ยูนิไทยจะรู้จักบี พูดจาจะคล้าย ๆ กัน เดินยังเหมือนกันเลย เดินแบบคนมีเนื้อที่ก้นเยอะ ๆ ขาจะห่าง ๆ หน่อย เพราะเนื้อแน่น แล้วก็ซุ่มซ่ามเหมือนกัน จะเดินชนโน่นชนนี่อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่เคยตกบันไดเหมือนบี

ที่นี่นะพอตกตอนเย็นเวลาอาหารเย็น สาว ๆ ฝรั่งที่นี่จะแต่งตัวกันสุดฤทธิ์ ส่วนใหญ่จะไม่ใส่กางเกงแต่จะใส่ชุดแส็กกัน สั้นบ้าง ยาวบ้าง หุ่นก็สุด ๆ เรียกว่าเราขี้เหร่ไปเลย ส่วนรองเท้าที่ฮิตมากสำหรับวัยรุ่นที่นี่คือ รองเท้าแตะคีบบ้านเราดี ๆ นี่เอง และต้องเป็นสีดำ น้ำเงิน และ น้ำตาล เท่่านั้น เค้าจะใส่กันทั้งเมือง ถ้าไม่ใส่แตะบางคนก็จะใส่เป็นรองเท้าส้นสูงไปเลย สูงแบบสูงมาก ๆ แล้วก็แต่งหน้ากันทั้งกลางวันกลางคืน ตาดำปื้ด ตาฝรั่งก็สวยอยู่แล้วนะ ยิ่งทาตาเข้ม ปัดขนตาเ้ข้ม หน้ายิ่งเข้มเข้าไปอีก แต่ก็สวยดี แต่ดูแววแล้วหน้าจะตาเหี่ยวก่อนวันอันควร

ขากลับก็เจอปัญหาอีกจนได้ ไฟลท์ดีเล อีกแล้วครับท่าน ไม่สามารถไปต่อเครื่องที่ Tampa ได้ ดีเลย์แบบข้ามวันเลย เลยต้องไปต่อเครื่องที่ Miami เหมือนขามา แต่ต้องรออยู่จนเย็น และกระเป๋า ก็ไม่ได้ ไม่รู้มันเดินทางไปรัฐไหน กว่าจะได้ก็อีกวันนึง กลับมาถึงคืนวันศุกร์ ได้กระเป๋า 2 ใบ เช้าวันเสาร์ แต่อีก 2 ใบ คือของอิชั้นกับกอดอน จนป่านนี้ยังไม่ได้เลย เวรกรรมจริง ๆ