เสาร์ 9 ม.ค. - ช่วงนี้อากาศหนาวมากเลย เช้าวันนี้ติดลบ -6 องศา เรียกว่ามีนัดกับใครก็เลื่อนหมด ไม่อยากออกจากบ้าน เมื่อคืนก็ต้องตื่นมาตอน ตี 3 เพื่อเปิดน้ำทุกก๊อกในบ้าน ทิ้งไว้ 5-15 นาที เพื่อไม่ให้มันแข็ง เพราะท่อมันเชื่อมมาจากนอกบ้าน ส่วนก๊อกน้ำ นอกบ้าน 4 ก๊อกและเชื่อมเข้ามาในบ้าน เราต้องเอาผ้าไปห่มให้มันอุ่น ไม่งั้นอาจมีปัญหาได้ เพราะอุณหภูมิมันติดลบเยอะ แต่โชคดี อีก 3-4 วัน เราก็จะหนีหนาวไปเมืองไทยอีกแลว ฮี่ ๆ
โอเค ทริป ลอนดอน อังกฤษ ( ทริปฮันนีมูน)จำได้ป่าวเอ่ยหลายคนไปร่วมงานแต่งงานวันนี้ วันที่ 19 พ.ย. เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก
Day 1
โอเค ทริป ลอนดอน อังกฤษ ( ทริปฮันนีมูน)จำได้ป่าวเอ่ยหลายคนไปร่วมงานแต่งงานวันนี้ วันที่ 19 พ.ย. เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก
Day 1
- เนื่องจากกอร์ดอนไปทำงานที่ไนจีเรีย เราเลยต้องเดินทางคนเดียวจากเมืองไทย (เพิ่งเดินทางจากเมกามาเมืองไทยวันที่ 13 พ.ย.) คนเดียว และต้องหาเครื่องที่เวลาไปถึงใกล้เคียงกับกอร์ดอนมากที่สุด ก็เลยมาได้สายการบิน เตอกิช Turkish Air สายการบินนี้ดีมาก เครื่องหรูหรา เราไป Business class
ถือว่าหรูกว่าสายการบินอื่นที่เคยนั่ง เครื่องใหม่มาก ผ้าห่มสีฟ้าอย่างหนา อาหารก็หรูุสุด ๆ ที่นั่งใน Business class ว่างดีมากเลย มองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีหน้าคนไทยเลยซักคน ลืมบอกไปเครื่องออกจากเมืองไทยค่อนข้างดึก 5 ทุ่ม 45 นั่งมาประมาณ 8 ชม.กว่า
Day 2
ถือว่าหรูกว่าสายการบินอื่นที่เคยนั่ง เครื่องใหม่มาก ผ้าห่มสีฟ้าอย่างหนา อาหารก็หรูุสุด ๆ ที่นั่งใน Business class ว่างดีมากเลย มองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีหน้าคนไทยเลยซักคน ลืมบอกไปเครื่องออกจากเมืองไทยค่อนข้างดึก 5 ทุ่ม 45 นั่งมาประมาณ 8 ชม.กว่า
Day 2
- ก็มาต่อเครื่องที่ อิสตันบุล ประเทศตุรกี พอลงเครื่องก็เดินดูป้ายเพื่อไป International transit พอเจอป้านเราก็ไปเข้าแถวกับเค้าเพื่อเข้าช่องตรงนี้ แต่พอถึงตาเราเรายื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าให้เราไปเช็คพาสปอร์ตก่อน เราก็เอ๋ออะไรฟะ ไปเช็คพาสปอร์ตที่ไหนเนี่ย เราก็งก ๆเงิ่น ๆ อยู่แป๊บนึงก็หาเจอ มันอยู่ข้าง ๆ กัน แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าที่นี่ต้องมีการตรวจพาสปอร์ตก่อน ไม่เห็นเหมือนไปเมกาเลย แค่เข้าด่าน เซเคียวริตี้ ก็จบละ ไม่ยุ่งยาก แถมพอไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจพาสปอร์ต มั้นก็ซักเราซะยับเลย ถามซะยังกะว่าเราจะเข้าเมืองมันงั้นแหละแค่มาต่อเครื่องเอง แถมภาษาอังกฤษพี่แกก็ฟังยากมากเลย ตามสไตล์แขกพูดภาษาอังกฤษ แถมดุอีกต่างหาก พอผ่านตรงนี้มาได้ก็กลับไปด่าน International transit ใหม่ คราวนี้ก็ผ่านฉลุย ก็มารอขึ้นเครื่องต่อประมาณ 2 ชม. แถมดีเลย์อีก 1 ชม. ก็ใช้เวลาบนเครื่องอีก 4 ชม.กว่า ๆ ก็มาถึง ลอนดอน เที่ยงครึ่ง กอร์ดอนก็มายืนรออยู่ละ ก่อนอื่นเราก็หาอาหารเที่ยงง่าย ๆ กินกันที่แอร์พอร์ทเลย จะป็นพวกแซนวิชด์ เราก็กินที่ร้านชื่อ Pret A Manger เป็นร้านเฟรนไชด์ที่มีชื่อของลอนดอน กอ่ตั้งมาตั้งแต่ปี 1986 ซึ่งชื่อร้านเป็นชื่อภาษาฝรั่งเศสแปลเป็นชื่ออังกฤษอีกทีว่า Ready to Eat
หลังจากนั้นเราก็นั่งรถไฟจากแอร์พอร์ต แล้วไปต่อแท็กซี่เพื่อไปโรงแรม เราพักที่โรงแรม Grosvenor Marriott ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองลอนดอน เลยทำให้ไปไหนมาไหนสะดวก อุณหภูมิช่วงที่ไปค่อนข้างเย็นประมาณ 6-8 องศา แต่เนื่องจากที่นี่มีลมอยู่ตลอดเวลา เลยทำให้ยิ่งเย็นหนักเข้าไปอีก เช็คอินอะไรเสร็จเรียบร้อยก็ไปเดินเที่ยวกัน แต่ขอบอกว่ายังเหนื่อยอยู่เลยเพราะร่างกายปรับตัวไม่ค่อยทันกับเวลาที่เปลี่ยนเพราะร่างกายเพิ่งปรับตัวได้ 6 วัน จากเมกา ต้องมาปรับตัวที่ลอนดอนอีกแล้ว เลยค่อนข้างจะเพลียสุด ๆ รูปด้านบนเราถ่ายที่ Grosvenor Square มีใบเมเปิลล่วงอยู่ทั่วไปหมด
ที่นี่ก็จะมีออกร้านคล้าย ๆ งานวัดบ้านเรา มีของกินตามบู้ มีปาเป้า ปาลูกดอกอะไรประมารณนั้น ก็สนุกสนานดี มาถึงวันแรกบอกกอร์ดอน ก่อนจะทำอะไรหรือไปไหน ขอดิฉันไปซื้อที่รีดผมก่อนนะคะ สำคัญมาก เพราะเอามาจากเมืองไทยกับเมกาใช้ไม่ได้เลย เพราะปลั๊กมันไม่เหมือนกันง่ะ เซ็งเลย
ที่นี่จะมีถนนเล็ก ๆ เป็นหลืบ ๆ น่ากลัว ๆ อยู่เยอะมาก โดยเฉพาะถ้าเดินตอนกลางคืน เนื่องจากมันเป็นเมืองเก่าแก่ ตึกก็เป็นตึกเก่า ๆ อนุรักษ์ไว้อย่างดี
รูปปั้นนี้คือ Victoria Memorial อยู่หน้าพระราชวังบัคกิ้งแฮม เป็นรูปปั้นหินอ่อนของราชินีอังกฤษ แต่ดันถ่ายผิดด้านเลยมองไม่เห็นราชินีซึ่งปั้นในปี 1913 ก็ 97 ปีมาแล้ว
เดินไปเดินมาคนแก่เริ่มเหนื่อย ขอนั่งพักนอนหลับซักงีบ St.James Park แต่นั่งนานไม่ได้มันหนาว
รูปนี้เป็น Eye of London ริมแม่น้ำเทมส์ ก็ชิงช้าสวรรค์ดี ๆ นี่เอง เพียงแต่กงล้อมันคอนข้างใหญ่เพื่อนั่งขึ้นไปดูวิวของลอนดอน
เดินไปเดินมาเริ่มมืดที่นี่ช่วงนี้มืดเร็วมาก แค่ สี่โมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว หลังจากนตั้นเราก็ไปเดินหาอาหารเย็นกัน ก็ไปได้รานอาหารจีน อร่อยมากเราสั่งอาหารขึ้นชื่อ คือ เป็ด Crispy Duck with Chinese pancake มันจะมีแผ่นแป้งมาให้ห่อเป็ด ซึ่งเป็ดจะกรอบ ๆ แล้วเราก็หอ่ด้วยมะม่วง หอมใหญ่ แตงกวา เค้าจะหั่นเป็นเส้นยาว ๆ มาให้ ตามด้วยซ้อสพีนัท อร่อยมาก ขอบอก
Day 3
รับประทานอาหารเช้าเสร็จเราก็เริ่มออกจากโรงแรมตอน 10 โมง
รูปนี้เป็น Eye of London ริมแม่น้ำเทมส์ ก็ชิงช้าสวรรค์ดี ๆ นี่เอง เพียงแต่กงล้อมันคอนข้างใหญ่เพื่อนั่งขึ้นไปดูวิวของลอนดอน
เดินไปเดินมาเริ่มมืดที่นี่ช่วงนี้มืดเร็วมาก แค่ สี่โมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว หลังจากนตั้นเราก็ไปเดินหาอาหารเย็นกัน ก็ไปได้รานอาหารจีน อร่อยมากเราสั่งอาหารขึ้นชื่อ คือ เป็ด Crispy Duck with Chinese pancake มันจะมีแผ่นแป้งมาให้ห่อเป็ด ซึ่งเป็ดจะกรอบ ๆ แล้วเราก็หอ่ด้วยมะม่วง หอมใหญ่ แตงกวา เค้าจะหั่นเป็นเส้นยาว ๆ มาให้ ตามด้วยซ้อสพีนัท อร่อยมาก ขอบอก
Day 3
รับประทานอาหารเช้าเสร็จเราก็เริ่มออกจากโรงแรมตอน 10 โมง
Trafalgar Square จะเป็นใจกลางของกรุงลอนดอนชื่อดั้งเดิมคือ King William the Fourth's Square สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับ สงคราม Trafalgar ในปี 1805
รูปบนและล่างจะเป็นศาลของเค้าชื่อว่า Old Bailey Court House ตัวตึกสวยงามมาก
บริษัทผลิตชา ยี่ห้อที่เราชอบซื้อกินกัน Twinings
จะเข้าไปในโบสภ์นี้ซะหน่อย St. Brides Church แต่ดันปิด กอร์ดอนอยากเข้าไปดูเพราะญาติเก่าแก่กว่า 200 กว่าปี แต่งงานที่นี่
รูปบนและล่างจะเป็นศาลของเค้าชื่อว่า Old Bailey Court House ตัวตึกสวยงามมาก
บริษัทผลิตชา ยี่ห้อที่เราชอบซื้อกินกัน Twinings
จะเข้าไปในโบสภ์นี้ซะหน่อย St. Brides Church แต่ดันปิด กอร์ดอนอยากเข้าไปดูเพราะญาติเก่าแก่กว่า 200 กว่าปี แต่งงานที่นี่
ถนนหนทางและตึกเก่าแก่ของกรุงลอนดอน
St.Paul's Cathedral
เป็นโบสภ์ท่ี่มีชื่อเสียงที่สุดของลอนดอน สร้างขึ้นในปี 1675 ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีโยสภ์เก่าอยู่ 2 โบสภ์ แต่ถูกไฟไหม้ไป ในปี 1087ละ อีกโบสภ์ถูกฟ้าผ่าไปในปี 1561
เป็นโบสภ์ท่ี่มีชื่อเสียงที่สุดของลอนดอน สร้างขึ้นในปี 1675 ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีโยสภ์เก่าอยู่ 2 โบสภ์ แต่ถูกไฟไหม้ไป ในปี 1087ละ อีกโบสภ์ถูกฟ้าผ่าไปในปี 1561
ถ่ายหน้า St. Paul's Cathedral เสาต้นใหญ่มาก
รูปนี้จะเป็นซากของกำแพงเก่ากรุงลอนดอน ซึ่งหลงเหลืออยู่แค่นิดหน่อย ทางซ้ายมือของรูป
Hoop & Grapes Pub
เป็นผับที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้กรุงลอนดอนในปี 1666 ลอนดอนถูกเผาไปเยอะ แต่ไฟหยุดพอดีห่างจากตึกนี้แค่ 50 ม. เลยทำให้ผับนี้โชคดีรอดมาได้ และเป็นผับเดียวที่รอดมาได้ใน ศต. 17
เป็นผับที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้กรุงลอนดอนในปี 1666 ลอนดอนถูกเผาไปเยอะ แต่ไฟหยุดพอดีห่างจากตึกนี้แค่ 50 ม. เลยทำให้ผับนี้โชคดีรอดมาได้ และเป็นผับเดียวที่รอดมาได้ใน ศต. 17
ตกช่วงบ่ายแก่ ๆ เราก็ไปทั่วร์ แจ็ค เดอะ รีปเปอร์ โดยไปกันเอง ปริ้นท์ข้อมูลสถานที่มาจากเน็ต หลายคนคงจะรู้จัก แจ็ค เดอะ รีปเปอร์ กันแล้ว เคาทำเป็นหนังด้วย ส่วนคนที่ไม่รู้จัก เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นในปี 1888 (122 ปีมาแล้ว) โดย แจ็ค เดอะ รีปเปอร์ คือ ฆาตรกร ฆ่าผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นโสเภณี ทั้งหมด 5-18 กว่าศพ โดยการปาดคอและผ่าลงมาจนถึงท้องน้อย และเอาไส้ในออกมา ซึ่งในที่สุดคดีนี้ก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าฆาตรกรคือใคร จากรูปด้านบนคือสถานที่นึงที่เหยื่อถูกฆ่า และที่น่าสนใจคือมีสถานที่นึงที่สนืบมาได้ว่าญาติของกอร์ดอนเคยอาศัยอยู่ที่เดียวกับผู้ต้องสงสัยที่อาจจะเป็น แจ็ค เดอะ รีปเปอร์ น่าสนใจมาก
รูปนี้จะเป็นผับที่เหยื่อคนล่าสุดชื่อว่า Mary Jane Kelly มานั่งในคืนที่โดนฆาตรกรรม และเป็นรายเดียวที่โดยฆ่าในตัวอาคาร นอกนั้นโดนฆ่าตามท้องถนนทั้งสิ้น เหยื่อที่โดนฆ่าทั้ง หมดจะอยุ่ในบริเวณเดียวกัน เรียกว่า East End of London ซึ่งสมัยก่อนโซนนี้จะเป็นย่านสลัม มีแต่คนติดเหล้า เล่นการพนัน และ โสเภณี เยอะแยะไปหมด ปัจจุบันเท่าที่เดินดูก็ยังเป็นโซนยากจนอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกคนแขก อาหรับ อยู่ซะส่วนมาก จะไม่ใช่ ชาวอังกฤษ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่จะมีแต่ชาวอังกฤษแท้ ๆ
ผับที่ว่านี่ชื่อว่า The Ten Bells Pub สร้างมาตั้งแต่ปี 1753 (257 ปี มาแล้ว ) ว้าว เก่าแก่ มาก ๆ ปัุบันก็ยังอยู่ เราได้เดินเข้าไปดูข้างในด้วย เก้าอี้ อะไรเก่าแกหมด น่าทึ่งมาก และที่ผับนี้มีรายชื่อของเหยื่อที่ถูกฆ่า แต่ตอนนี้เค้าเอาชื่ออกไปแล้ว
หลั้งจากนั้นเราก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน (ที่นี่เค้าจะเรียกว่า Underground )กลับโรงแรม ขากลับเดินไม่ไหวแล้ว เพราะเดินไปไกลมากทั้งวัน ไม่น่าจะต่ำกว่า 8 กม.
กลับมาพักผ่อนอิริยาบภที่โรงแรม หาของว่างที่ เล้าจ์ กินพอหายเหนื่อย ก็ออกไปเดินหาร้านอาหารเย็นอร่อย ๆ กินกันต่อ ส่วนรูปด้านบนนี้คือ All Souls Church
หลังจากทานอาหารเย็นกันเสร็จ เราก็เดินดูไฟ ที่เค้าเริ่มตกแต่งสำหรับคริสต์มาสกัน
Day 4
วันนี้ก่อนจะออกเที่ยวขอกดเงินซะหน่อย ตู้เอทีเอ็มที่นี่ก็เก๋มาก ชื่อว่า Hole in the wall ก็คือรูในผนังนั่นเอง เข้าใจตั้งชื่อ
ถนนหนทางของลอนดอน ตึกส่วนใหญ่ก็ยังเป็นตึกเก่า ๆ ตั้งแต่สมัยโบราญ เพียงแต่มีการบูรณะ หรือทาสีใหม่บ้าง
ตึกรามบ้านช่อมที่นี่จะมีชั้นใต้ดินทุกที่ และเค้าจะทำช่องกระจกเอาไว้บนพื้นด้านบน เพื่อรับแสงอาทิตย์ ลืมถ่ายรูปมาให้ดู มันจะอยู่ตามทางเดินบนฟุตบาธ
เดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์
อากาศจะค่อนข้างมัวซัวตลอด เพราะฝนจะตก ๆ หยุด ๆ อยู่ตลอดเวลา
Big Ben
Parliament หรือตึกรัฐสภา
Wootton Street, Waterloo คือถนนที่พ่อกอร์ดอนเคยอยู่ตอนเด็ก ๆ และญาติเค้าเคยอาศัยอยู่ช่วง ปี 1850-1950
แถวนี้จะเป็นบริเวณที่บรรพบุรุษครอบครัวหนึ่งของกอร์ดอนเคยอยู่ 100-150 ปีมาแล้วสภาพยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากอดีต
ร้านอาหารไทย แต่ครัวปิดเพราะเป็นวันอาทิตย์
เราแวะทานอาหารเที่ยงกันที่ผับเก่าแห่งหนึ่งใน Waterloo แถว ๆ สะพาน Blackfriars Bridge เป็นสะพานที่ปู่และย่าของกอร์ดอนพบรักกันบนสะพานแห่งนี้ (โรแมนติกมาก) อาหารจะเป็น อาหารดั้งเดิมพื้นเมืองของชาวอังกฤษ Traditional English food จานใหญ่มาก ๆ จะเป็นตเนื้อแกะตั้ง 4 ชิ้นใหญ่ ๆ ในถ้วยเล็ก ๆ จะมีน้ำจิ้มทำด้วยมิ้นต์ อร่อยมาก ๆ จานใหญ่หยั่งงี้กินยังไงก็ไม่หมด แถมราคาถูกอีกต่างหาก ตั้งแต่กินมาร้านนี้ถูกที่สุดเลย จานใหญ่ ๆ แบบนี้ราคาแค่ 7 พาว เท่านั้นเอง
แล้วเราก็เดินมาถึงสถานที่ที่เคยเป็นโรงละครเก่าของเช็คสเปียร์ Shakespeare คงไม่มีใครไม่รู้จักเช็คสเปียร์
ตอนนี้กลายเป็นอพาร์ทเม้นต์ไปซะแล้ว ลานโล่ง ๆ ที่เห็นด้านบนคืออดีตโรงละครเช็คสเปียร์ สไตล์อิฐที่หินจะเป็นของดั้งเดิม ถนนเก่า ๆ ตั้งแต่สมัยโบราณของลอนดอนจะเป็นแบบนี้หมด คือปูด้วยอิฐหรือหินเป็นก้อน ๆ ถนนเล็ก ๆ หลายสายก็ยังคงอนุรักษ์ของเก่าอยู่
วงกลมในรูปด้านบนคือโรงละครเก่าเช็คสเปียร์ในสมัยโบราณ
รูปนี้เราเดินเลาะแม่น้ำเทมส์แล้วก็มาเจอตึกสมัยเก่าแก่มาก
Southwark Cathedral ไม่สามารถถ่ายรูปด้านนอกมาได้ เพราะมันใหญ่และสูงมาก ๆ เลยเก็บภาพใกล้ ๆ ได้ไม่หมด เป็นโบสถ์ที่สวยและเก่าแก่มาก ๆ และมีประวัติที่น่าสนใจ ลองอ่านจากรูปด้านบนดู และในโบสถ์แต่ละโบสถ์จะมีชื่อของทหารที่ตายในสงคราม.โลกอยู่ด้วยเพื่อเป็นเกียรติ มีชื่อญาติของกอร์ดอนอยู่ด้วยตายยในสงครามโลกครั้งที่ 1เกี่ยวข้องกับกอร์ดอนคือเป็น พี่ชายของปู่กอร์ดอน โรงพยาบาล นี้ปู่ของปู่ของปู่กอร์ดอนมาตายที่นี่เนื่องจากอุบัติเหตุในที่ทำงานในโรงงานไม้ โดยอายุแค่ 36 ปีเท่านั้นเอง และทิิ้งลูกไว้ถึง 5 คน
Tower Bridge ข้ามแม่น้ำเทมส์ จะมี 2 ทาวเวอร์
อาหารเย็นวันนี้กอร์ดอนอยากเข้าร้านอาหาร English Traditional อีกแล้ว ดูเมนูร้านนี้แล้วสั่งไม่ถูกเลยไม่เหมือนที่เคยกินที่ผับเก่า ดูแล้วเราท่าจะกินยาก ดูไปดูมาเลยสั่งเป็นประเภทปลามา แต่พอมามันกลายเป็นปลาแต่อยู่ในชีส ซึ่งท่วมถ้วยไปหมดเลย หยั่งที่เห็นในรูป ชีสเยอะมาก ๆ ต้องกินแบบพะอืดพะอม กินได้แค่ไม่กี่คำ เลยต้องไปแย่งกอร์ดอนกินแทน เพราะเค้าสั่ง ฟิชเค้ก อร่อยกว่ากันเยอะเลย
Day 5
วันนี้ฝนตกแต่เช้า เราก็เลยออกจากโรงแรมค่อนข้างสายประมาณ 11 โมง กอร์ดอนเป็นห่วงว่าเมื่อคืนเรากินได้น้อย เพราะอาหารไม่ถูกปาก เค้าเลยไป search หาร้านอาหารจีนในเน็ตให้ ได้มาร้านนึง เราก็เริ่มออกเดินไปร้านอาหารกัน ฝนก็ยังตกพรำ ๆ และหนาวมาก แต่ก็ต้องไปเพราะหิว
เราก็เดินเลาะ park มาเรื่อย ๆ ไกลพอสมควร แล้วก็เดินผ่าน มหาวิทยาลัยชื่อว่า Imperial College
และแล้วก็มาถึงร้านอาหารจีนชื่อว่า Stick & Bowl ชื่อน่ารักมาก "ตะเกียบกับถ้วย" เป็นร้านเล็ก ๆ หน้ามหาลัย ส่วนใหญ่คนที่มากินคือเด็กนักศึกษา มีเราเนี่ยแหละแก่กันอยู่สองคน แต่อาหารอร่อยมาก เราสั่งก๊วยเตี๋ยวเป็ด มองคนข้าง ๆ กินข้าวหมูกรอบก็หน้ากิน เหมือนนั่งกินอยู่เมืองไทยเลย แถมราคาก็ถูกอีกต่างหาก แค่จานละประมาณ 6-7 พาว เอง
เสร็จแล้วเราก็เดินเที่ยวบริเวณนั้นกัน มาเจอโบสถ์เก่าแห่งนึง สวยมาก เก่าแก่มาก ๆ ทริปนี้จะถ่ายรูปโบสถ์ค่อนข้างเยอะ และก็เข้าไปดูแทบทุกโบสถ์ เพราะว่าโบสถ์เค้าสวย และอายุนานมากแล้ว แต่เค้ายังบูรณะไว้ได้อย่างดี
หลังจากนั้นเราก็ไปเข้าห้องสมุดกัน เป็นห้องสมุดเกี่ยวกับค้นหา บรรพบุรุษ ปู่ย่าตายาย หรือ Ancestor กอร์ดอนเค้าสืบค้นบรรพบุรุษเค้าได้ลึกถึง 500 กว่าปีแล้วที่อยู่ที่อังกฤษ โดยหาข้อมูลจากห้องสมุดและอินเตอร์เน็ต
แล้วก็ไปเดินหาซื้อชากันปกติกอร์ดอนจะชอบซื้อชาไปจากอังกฤษ โดยจะซื้อเป็นเซ็ตเลย มันจะมี Breakfast , Afternoon and Evening Tea
ตึกเก่า ๆ เป็นแนวยาว ด้านหลังคือ Herod's Department Store