ห่างหายไปนานไม่มีเวลาได้มาอัพเดทบล็อคเลย แต่ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยจะได้ไปไหนด้วย ทำงานตัวเป็นเกลียว ทริปนี้ก็เดินทางไปตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีที่แล้ว แต่เพิ่งจะได้เอามาลง แต่ก็คงจะไม่ได้เขียนรายละเอียดมาก เพราะ เวลาว่างตอนนี้มีน้อยเหลือเกิน ดูแต่รูปไปก่อนก็แล้วกัน
ทริปนี้เราก็ไปเยีี่ยมเลียที่ คานาดาเช่นเคย แต่ไปเยี่ยมแค่ 2 วันแต่อีก 1 อาทิตย์เราก็ขับรถไปต่างเมือง
รอต่อเครื่องที่นิวยอร์ค
นั่งจากนิวยอร์คมาก็แค่ 3 ชม. ไม่นานมาก ก็บินมาถึง Nova Scotia province, Canada อิมมิเกรชั่นที่นี่คิวไม่เคยยาว สบาย ๆ แต่เจ้าหน้าที่เคี่ยวมาก คราวนี้เราโดนส่งไปตรวจกระเป๋าด้วย แถมคำถามอีกมากมาย ทั้งที่มาบ่อยมาก ๆ เลยเมืองนี้ทริปนี้มาก็เพื่อมาช่วยเลียย้ายหอ จากหอในมหาลัย ออกมาเช่าอยู่ข้างนอก เพราะปีนี้ขึ้นปี 2 แล้ว บ้านนี้ก็เป็นบ้านชั่วคราวที่เลียอยู่กับเพื่อนระหว่างรอเรามาช่วยย้ายของ
พอช่วยย้ายของเสร็จ เราก็ขับรถไปเที่ยวต่างเมือง เป็นจังหวัดอีกจังหวัดนึงของคานาดา ชื่อว่า Prince Edward Island หรือเรียนสั้น ๆ ว่า PIE เราก็เลยเรียกเกาะนี้ว่า พายไอแลน ซะเลย แต่จริง ๆ เค้าเรียกว่า พีไอแลนด์ แต่เป็ฯเกาะประวัติศาสตร์เป็นเมืองเก่าดั้งเดิมตอนสมัยแรก ๆ ที่อังกฤษอพยพมา จึงเป็นเมืองที่น่าสนใจเมืองนึง
ระหว่างทางก็เลยแวะถ่ายรูปเป้นที่ระลึกกัน ก็ขับรถจาก Halifax ไปประมาณ 3 ชม.
อากาศก็กำลังสบาย ๆ ไม่หนาว ไม่ร้อน น่าจะประมาณ ซัก 20 องศา
อากาศก็กำลังสบาย ๆ ไม่หนาว ไม่ร้อน น่าจะประมาณ ซัก 20 องศา
และแล้วก็กำลังจะเข้าเขต พายไอแลนด์แล้ว เราต้องข้ามสะพาน ด้านบนที่เห็นคือข้ามทะเลไประยะทางยาว มาก ๆ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 8 ไมล์ หรือ 13 กม. ยาวมาก ๆ สะพานนี้เพิ่งสร้างเสร็จในปี 1997 สมัจก่อนผู้คนต้องเดินทางทาง เฟอรี่กัน ค่าผ่านทางข้ามสะพานก็แพงโคตร ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 40 กว่าเหรียญ
ข้ามมาเกาะเรียบร้อย ขอบอกว่าเป็นเกาะที่คงความเป็นพื้นบ้าน หรือดั้งเดิมไว้มาก ๆ มีแต่ฟาร์ม บ้านก็สไตล์เก่า ๆ นักท่องเที่ยวก็ไม่เยอะมาก ไม่มีตึกสูง ๆ ไม่มีโรงแรมใหญ่ ๆ มีแต่ บังกะโล เล็ก ๆ แต่เกาะนี้ใหญ่มาก ๆ รูปด้านบนเป็นโกรเซอรี่เล็ก ๆ ขายไอติม เลยกินซะหน่อย
อันนี้เป็นบังกะโลที่เราเช่าอยู่ น่ารักดี
ตกเย็นเราก็ไปหาอะไรกินกัน ร้านที่เกาะนี้ก็เก๋ไก๋ เป็ฯร้านอาหารในบ้านดั้งเดิมหลายร้อยปี ร้านนี้ชื่อว่า The Shipwright Cafe ใครอยูู่ยูนิไทยคงคุ้นเคยกับชื่อนี้ดี
นี้แหละรูปด้านนอกร้านอาหาร ก็คือบ้านดี ๆ นี่เอง
รอบ ๆ ก็จะเป็นฟาร์ม ผักสารพัด และเลี้ยงสัตว์ คือ อาหารที่เรากินทั้งหมดก็มาสด ๆ จากฟาร์มของเค้าเลย
วันถัดมาเราก็ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติกัน เดือนขึ้นเขา นานพอสมควร มีทางให้เดินหลายทาง แต่กอร์ดอนดันอุตริพาไปเดินทางที่เค้าปิดไม่ให้ขึ้น
อันนี้เป็นร้านอาหารไทย ซึ่งทำเป็นโรงแรมไปด้วยในตัว น่าสนใจดี ข้างในน่ารักมาก แต่มองไม่เห็นคนไทยเลย มีแต่ฝรั่งเสริ์ฟ แต่ กุ๊กก็ฝรั่ง แต่เพลงที่เปิดเพลงไทยอีสานเรานี่เอง
เกาะนี้เป็ฯต้นกำเนิดหนังสือเรื่อง Green Gables ถ้าใครเคยอ่าน เป็นหนังสือที่ดังมากในอเมริกาและยุโรป ที่แต่งให้เด็กนักเรียนอ่าน เป็ฯเรื่องจริง ของเด็กกำพร้าผมแดง ที่เอามาเลี้ยงที่เกาะนี้ รูปด้านบนคือบ้านของคนแต่งหนังสือ ที่อยู่บนเกาะ นี้แต่เธอมาจากอังกฤษ ส่วนด้านล่างคือฟอร์ม และบ้านของจริงซึ่งตอนนี้ทำเป็นพิพิธภัณท์ให้คนเข้าชม
ถ้าใครเคยอ่านจะรู้ว่า Anne เด็กกำพร้า ตัวเอกในเรื่องเป็นเด็กที่พูดเก่งมาก เป็ฯหนังสือที่เด็ก ๆ ชอบอ่านกัน และที่สำคัญมาจากเรื่องจริงซึ่งคนเขียนรู้จักกับครอบครัวนี้ดี หนังสือเล่มนี้ได้พิมพ์จำหน่ายครั้งแรกในปี 1908 นานเนมากเล้ว
ถ้าสังเกตุในบ้านซ้ายมือตรงพื้นจะมีฝาสำหรับเปิดขึ้นไปใต้ดิน เค้าใช้เก็บของสดผักผลไม้สะสมไว้ใช้ตอนหน้าหนาวที่หิมะลงจัด ไว้เป็นคลังเสบียง
อันนี้เป็ฯบ้าน green gables ด้านนอก ซึ้่งก็ได้มีการบูรณะไปบ้าง
ส่วนอันนี้เป็นฟาร์มด้านหน้าของบ้าน
อันนี้เป้ฯลำธารด้านหลังบ้านกว้างมาก ๆ เค้าทำเป็ฯทางเดินไว้รอบ ๆ ลำธารน้ำ เป็นบ้านที่น่าอิจฉามาก ร่มรื่นที่หลังบ้านกว้างมาก ลำธารก็ยาวมาก นึกถึงตอน Anne เป็ฯเด็กกำพร้าที่รับมาอยู่ที่นี่ คงจะมีความสุขที่อยู่ที่นี่มาก เพราะมีที่ให้วิ่งเล่น และมีน้ำให้เล่นตลอด
อันนี้เป็นรูปที่เค้าถ่ายไว้เมื่อสมัยก่อน
จริง ๆ แล้วครอบครัวนี้เค้าต้องการรับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเพื่อให้ช่วยทำงานในฟาร์ม และตั้งใจจะเอาเด็กผู้ชายมาเลี้ยง แต่ดันผิดฝาผิดตัว กลายเป็นเด็กผู้หญิง เลยมีปัญหาเล็กน้อยในตอนแรก ถ้าใครสนใจอยากอ่านลองไปหาหนังสือมาอ่านดู
ส่วนอันนี้เป็ฯค่ายทหาร ซึ่งมีรูปวาดในสมัยก่อนไว้ให้ดู ว่าเค้าอยู่กันยังไง
แวะกินข้าวที่ร้านอาหารจีนกัน ในเมืองซึ่งเป็นร้าน เล็ก ๆ แต่ขายดีกำลังจะปิดกิจการวันสดท้ายวันที่เราไปกินพอดี เพราะจะย้ายไปเปิดที่ใหม่ที่ใหญ่ขึ่น
รูปนี้เป็น รูปที่อยู่ในธนาคารเก่าซึ่งกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปล้ว รูปบน จะมีรูปรัชการที่ 8 ของเราอยู่ด้วยเสียดายว่ามันถ่ายออกมามืดเพราะว่าลืมเอาแฟลชไป
แล้วก็จะมีเหรียญบาทของไทยที่เค้าสะสมไว้ดวยในสมัยรัชการที่ 8
อันนี้เป็ฯภาพถ่ายด้านหน้าของธนาคาร เป็นธนาคารเล็ก ๆ เก่าแก่ นานเนมาแล้ว ประวัติที่นี่เคยโดยปล้น ขนเงินไปหมดเลย จับคนปล้นได้ แต่หาเงินไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน
อันนี้เป็ฯอีกรูปนึงที่มีรูป รัชการที่ 8 อยู่ จะอยู่แถวล่างสุด รูปที่ 3 จากซ้ายมือ
เจอโบสถ์ขนาดมินิอีกแล้ว น่ารักมากเลย
รถใครเอ่ยขอถ่ายหน่อย