Monday, February 20, 2012

Pie Island , Canada


ห่างหายไปนานไม่มีเวลาได้มาอัพเดทบล็อคเลย แต่ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยจะได้ไปไหนด้วย ทำงานตัวเป็นเกลียว ทริปนี้ก็เดินทางไปตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีที่แล้ว แต่เพิ่งจะได้เอามาลง แต่ก็คงจะไม่ได้เขียนรายละเอียดมาก เพราะ เวลาว่างตอนนี้มีน้อยเหลือเกิน ดูแต่รูปไปก่อนก็แล้วกัน


ทริปนี้เราก็ไปเยีี่ยมเลียที่ คานาดาเช่นเคย แต่ไปเยี่ยมแค่ 2 วันแต่อีก 1 อาทิตย์เราก็ขับรถไปต่างเมือง
รอต่อเครื่องที่นิวยอร์ค
นั่งจากนิวยอร์คมาก็แค่ 3 ชม. ไม่นานมาก ก็บินมาถึง Nova Scotia province, Canada อิมมิเกรชั่นที่นี่คิวไม่เคยยาว สบาย ๆ แต่เจ้าหน้าที่เคี่ยวมาก คราวนี้เราโดนส่งไปตรวจกระเป๋าด้วย แถมคำถามอีกมากมาย ทั้งที่มาบ่อยมาก ๆ เลยเมืองนี้
ทริปนี้มาก็เพื่อมาช่วยเลียย้ายหอ จากหอในมหาลัย ออกมาเช่าอยู่ข้างนอก เพราะปีนี้ขึ้นปี 2 แล้ว บ้านนี้ก็เป็นบ้านชั่วคราวที่เลียอยู่กับเพื่อนระหว่างรอเรามาช่วยย้ายของ
พอช่วยย้ายของเสร็จ เราก็ขับรถไปเที่ยวต่างเมือง เป็นจังหวัดอีกจังหวัดนึงของคานาดา ชื่อว่า Prince Edward Island หรือเรียนสั้น ๆ ว่า PIE เราก็เลยเรียกเกาะนี้ว่า พายไอแลน ซะเลย แต่จริง ๆ เค้าเรียกว่า พีไอแลนด์ แต่เป็ฯเกาะประวัติศาสตร์เป็นเมืองเก่าดั้งเดิมตอนสมัยแรก ๆ ที่อังกฤษอพยพมา จึงเป็นเมืองที่น่าสนใจเมืองนึง
ระหว่างทางก็เลยแวะถ่ายรูปเป้นที่ระลึกกัน ก็ขับรถจาก Halifax ไปประมาณ 3 ชม.
อากาศก็กำลังสบาย ๆ ไม่หนาว ไม่ร้อน น่าจะประมาณ ซัก 20 องศา







และแล้วก็กำลังจะเข้าเขต พายไอแลนด์แล้ว เราต้องข้ามสะพาน ด้านบนที่เห็นคือข้ามทะเลไประยะทางยาว มาก ๆ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 8 ไมล์ หรือ 13 กม. ยาวมาก ๆ สะพานนี้เพิ่งสร้างเสร็จในปี 1997 สมัจก่อนผู้คนต้องเดินทางทาง เฟอรี่กัน ค่าผ่านทางข้ามสะพานก็แพงโคตร ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 40 กว่าเหรียญ


ข้ามมาเกาะเรียบร้อย ขอบอกว่าเป็นเกาะที่คงความเป็นพื้นบ้าน หรือดั้งเดิมไว้มาก ๆ มีแต่ฟาร์ม บ้านก็สไตล์เก่า ๆ นักท่องเที่ยวก็ไม่เยอะมาก ไม่มีตึกสูง ๆ ไม่มีโรงแรมใหญ่ ๆ มีแต่ บังกะโล เล็ก ๆ แต่เกาะนี้ใหญ่มาก ๆ รูปด้านบนเป็นโกรเซอรี่เล็ก ๆ ขายไอติม เลยกินซะหน่อย
อันนี้เป็นบังกะโลที่เราเช่าอยู่ น่ารักดี

ตกเย็นเราก็ไปหาอะไรกินกัน ร้านที่เกาะนี้ก็เก๋ไก๋ เป็ฯร้านอาหารในบ้านดั้งเดิมหลายร้อยปี ร้านนี้ชื่อว่า The Shipwright Cafe  ใครอยูู่ยูนิไทยคงคุ้นเคยกับชื่อนี้ดี
นี้แหละรูปด้านนอกร้านอาหาร ก็คือบ้านดี ๆ นี่เอง 


รอบ ๆ ก็จะเป็นฟาร์ม ผักสารพัด และเลี้ยงสัตว์ คือ อาหารที่เรากินทั้งหมดก็มาสด ๆ จากฟาร์มของเค้าเลย

วันถัดมาเราก็ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติกัน เดือนขึ้นเขา นานพอสมควร มีทางให้เดินหลายทาง แต่กอร์ดอนดันอุตริพาไปเดินทางที่เค้าปิดไม่ให้ขึ้น

พอเดินลงมาถึงจะเห็นป้ายเขียนไว้ว่าทางปิด คือเราเดินข้ามจากทางปกติไปทางที่เค้าปิด เลยไม่รู้ว่าเค้าปิดดีนะ ไม่มีปัญหาอะไร


อันนี้เป็นร้านอาหารไทย ซึ่งทำเป็นโรงแรมไปด้วยในตัว น่าสนใจดี ข้างในน่ารักมาก แต่มองไม่เห็นคนไทยเลย มีแต่ฝรั่งเสริ์ฟ แต่ กุ๊กก็ฝรั่ง แต่เพลงที่เปิดเพลงไทยอีสานเรานี่เอง

















เกาะนี้เป็ฯต้นกำเนิดหนังสือเรื่อง Green Gables ถ้าใครเคยอ่าน เป็นหนังสือที่ดังมากในอเมริกาและยุโรป ที่แต่งให้เด็กนักเรียนอ่าน เป็ฯเรื่องจริง ของเด็กกำพร้าผมแดง ที่เอามาเลี้ยงที่เกาะนี้ รูปด้านบนคือบ้านของคนแต่งหนังสือ ที่อยู่บนเกาะ นี้แต่เธอมาจากอังกฤษ ส่วนด้านล่างคือฟอร์ม และบ้านของจริงซึ่งตอนนี้ทำเป็นพิพิธภัณท์ให้คนเข้าชม



ถ้าใครเคยอ่านจะรู้ว่า Anne เด็กกำพร้า ตัวเอกในเรื่องเป็นเด็กที่พูดเก่งมาก เป็ฯหนังสือที่เด็ก ๆ ชอบอ่านกัน และที่สำคัญมาจากเรื่องจริงซึ่งคนเขียนรู้จักกับครอบครัวนี้ดี หนังสือเล่มนี้ได้พิมพ์จำหน่ายครั้งแรกในปี 1908 นานเนมากเล้ว
ถ้าสังเกตุในบ้านซ้ายมือตรงพื้นจะมีฝาสำหรับเปิดขึ้นไปใต้ดิน เค้าใช้เก็บของสดผักผลไม้สะสมไว้ใช้ตอนหน้าหนาวที่หิมะลงจัด ไว้เป็นคลังเสบียง


อันนี้เป็ฯบ้าน green gables ด้านนอก ซึ้่งก็ได้มีการบูรณะไปบ้าง



ส่วนอันนี้เป็นฟาร์มด้านหน้าของบ้าน

อันนี้เป้ฯลำธารด้านหลังบ้านกว้างมาก ๆ เค้าทำเป็ฯทางเดินไว้รอบ ๆ ลำธารน้ำ เป็นบ้านที่น่าอิจฉามาก ร่มรื่นที่หลังบ้านกว้างมาก ลำธารก็ยาวมาก นึกถึงตอน Anne เป็ฯเด็กกำพร้าที่รับมาอยู่ที่นี่ คงจะมีความสุขที่อยู่ที่นี่มาก เพราะมีที่ให้วิ่งเล่น และมีน้ำให้เล่นตลอด


อันนี้เป็นรูปที่เค้าถ่ายไว้เมื่อสมัยก่อน
จริง ๆ แล้วครอบครัวนี้เค้าต้องการรับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเพื่อให้ช่วยทำงานในฟาร์ม และตั้งใจจะเอาเด็กผู้ชายมาเลี้ยง แต่ดันผิดฝาผิดตัว กลายเป็นเด็กผู้หญิง เลยมีปัญหาเล็กน้อยในตอนแรก ถ้าใครสนใจอยากอ่านลองไปหาหนังสือมาอ่านดู

ส่วนอันนี้เป็ฯค่ายทหาร ซึ่งมีรูปวาดในสมัยก่อนไว้ให้ดู  ว่าเค้าอยู่กันยังไง
















อันนี้เป้ฯโบสถ์ซึ่งเล็กมาก ๆ ตั้งแต่เคยเห็นมาเป็ฯโบสถ์เก่าแก่



















แวะกินข้าวที่ร้านอาหารจีนกัน ในเมืองซึ่งเป็นร้าน เล็ก ๆ แต่ขายดีกำลังจะปิดกิจการวันสดท้ายวันที่เราไปกินพอดี เพราะจะย้ายไปเปิดที่ใหม่ที่ใหญ่ขึ่น



รูปนี้เป็น รูปที่อยู่ในธนาคารเก่าซึ่งกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปล้ว รูปบน จะมีรูปรัชการที่ 8 ของเราอยู่ด้วยเสียดายว่ามันถ่ายออกมามืดเพราะว่าลืมเอาแฟลชไป

แล้วก็จะมีเหรียญบาทของไทยที่เค้าสะสมไว้ดวยในสมัยรัชการที่ 8
อันนี้เป็ฯภาพถ่ายด้านหน้าของธนาคาร เป็นธนาคารเล็ก ๆ เก่าแก่ นานเนมาแล้ว ประวัติที่นี่เคยโดยปล้น ขนเงินไปหมดเลย จับคนปล้นได้ แต่หาเงินไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน


อันนี้เป็ฯอีกรูปนึงที่มีรูป รัชการที่ 8 อยู่ จะอยู่แถวล่างสุด รูปที่ 3 จากซ้ายมือ



เจอโบสถ์ขนาดมินิอีกแล้ว น่ารักมากเลย

รถใครเอ่ยขอถ่ายหน่อย