วันนี้เราก็ต้องเดินทางต่อไปยังเมืองเคโลน่า Kelowna เพื่อไปเยี่ยมพ่อและแม่เลี้ยงของกอดอน คงจะจำหน้าตาแกกันได้ เพราะทุกคนก็เคยเจอในงานแต่ง เราก็ขับรถออกจากโรงแรมประมาณ 8 โมง กะว่าจะไปให้ถึงทันเที่ยง เพราะต้องใช้เวลาขับรถประมาณ 4-5 ชม. กอดอนกะไปให้ทันรับลูกเค้าด้วย เพราะลูกเค้าจะนั่งเครื่องมาลงที่เคลโลน่า แต่สรุปก็ไปรับไม่ทันเลยให้พ่อกับแม่เค้าไปรับแทน เพราะเราไปถึงเลทประมาณ บ่ายโมงกว่า ๆ ระหว่างทางที่ขับรถจากวิสเลอร์ไปเคลโลน่า บรรยากาศจะต่างจากเวลาขับจากแวนคูเวอร์มาวิสเลอร์เล็กน้อยคือ ถ้าขับจากแวนคูเวอร์มาเนี่ย ตลอดทางจะมีมหาสมุทรกับภูเขา แต่จากวิสเลอร์ไปเคลโลน่า เราจะไม่เจอมหาสมุทรเลย จะผ่านแต่ภูเขา กับสองข้างทางจะเป็นฟาร์มกับแร้นช์ Ranch ฟาร์มกับแร้นช์ จะแตกต่างกันคือ ที่นี่ถ้าเค้าปลูกพืชอย่างเดียวเค้าจะเรียกว่าฟาร์ม แต่ถ้าเค้าเลี้ยงสัตว์ด้วยจะเรียกว่า Ranch เค้าจะไม่เรียกว่าฟาร์ม หยั่งบ้านเราเรียกฟาร์มม้า แต่ที่นี่เค้าจะใช้คำว่า horse ranch
ต้นไม้ส่วนใหญ่ตามป่าที่นี่ก็จะมีพวก Pine, Fir, Cedar ในรูปด้านบนจะเป็น Cedar หน้าตาจะคล้าย ๆ ต้นสน ที่นี่จะมีป้ายบอกตลอดว่าให้ระวังกวางข้ามถนน ขับไป ๆ ก็ไปเจอกวางตัวนึงอยู่ข้างถนน เราก็จอดรถกะถ่ายรูป แต่เสียดายถ่ายไม่ทัน มันเห็นเราปุ๊บมันก็เดินเข้าป่าไป เวลาเราขับรถไปช่วงไหนที่สามารถรับสัญญาณวิทยุได้ เค้าจะมีป้ายบอกเอาไว้ข้างทางว่า ช่วงนี้สามารถรับคลื่นวิทยุช่องไหน ๆ ได้ ดีจังเลย ขับมาเรื่อยๆ ก็ผ่านเมืองเล็ก ๆ เมืองนึงชื่อว่า Lilloaet city เป็นเมืองที่เค้าทำปูนซีเมนต์กัน เขาเค้าก็เลยโล้น ๆ เหมือนแถวสระบุรีบ้านเรา เมืองนี้ในอดีตเป็นเมืองที่เค้ามาขุดทองกัน มีทองอยู่เต็มไปหมด ช่วงจากเมืองนี้มา ภูเขาจะไม่มีหิมะบนยอดเขาแล้ว เพราะภูมิประเทศจะต่ำกว่า เท่าที่สังเกตตลอดทางที่เราขับรถจะมีรางรถไฟขนานกันมาตลอด ถ้ามาเที่ยงโดยนั่งรถไฟ บรรยากาศน่าจะดีมาก ๆ เลย เพราะรถไฟมันจะขับเลามหาสมุทร ทะเลสาป แล้วก็ภูเขา ที่นี่เค้าจะทำทางเป็นถนนดินขึ้นภูเขาที่ชันๆ เอาไว้ให้ข้างทาง สำหรับรถที่มีปัญหาเรื่องเบรคไม่อยู่ เค้าจะเรียก Run away พอรถขับขึ้นไปมันก็จะสามารถทำให้รถที่เบรคไม่อยู่หยุดได้ ก็ดีเหมือนกันนะ
ก็มาถึงบ้าน กอดอนซีเนียร์ กับแม่เลี้ยงชื่อ จอยส์ เมืองเคลโลน่าเป็นเมืองที่อยู่ที่ราบแต่ก็มีภูเขา ทะเลสาป Lake แล้วก็ทะเล เมืองก็ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก ขนาดซักประมาณใหญ่กว่าพัทยาเล็กน้อย บ้านของเค้าจะอยู่บนเขาซึ่งมองเห็นทะเลสาป บรรยากาศดีมาก ๆ พอไปถึงก็กินอาหารเที่ยงกัน หลังจากนั้นกอดอนกับลูกสาวเค้าก็ไปดูหนัง (แฮรี่ พอทเตอร์) กัน ส่วนเราเหนื่อยมาก ขอตัวนอนพัก พอตกเย็นมาจอยส์เค้าก็จะพาหมาเค้าชื่อว่า happy พันธุ์พุดเดิ้ล ไปเดิน เค้าก็ชวนเราไปด้วย เอ้าไปก็ไป ก็เดินไกลพอสมควรประมาณ 5 กม. เค้าก็เดินทักทายเพื่อนบ้านไปเรื่อย ๆ แล้วก็แนะนำเราไปด้วย ก็ไปเจอเพื่อนบ้านคนนึงเป็นฝรั่งผู้หญิงกำลังยืนจิบไวน์อยู่หลังบ้าน พอเค้ารู้ว่าเรามาจากเมืองไทยเค้าบอก ลูกสาวเค้าก็เคยไปเมืองไทย เมืองไทยน่าอยู่มากเลย เราก็หน้าบาน พอเดินมาอีกสักพัก ก็มาเจอเพื่อนบ้านอีกคู่นึง เป็นผู้ชายกับผู้หญิงอายุเยอะแล้วหละ รุ่นจ้อยส์เนี่ยแหละ จอยส์ก็แนะนำเราอีก พอเราบอกมาจากเมืองไทย เค้าบอกเค้าเคยไปเที่ยวเมืองไทย โหดีใจจังเลยมีแต่คนเคยไปเที่ยวเมืองไทย รู้สึกภูมิใจยังไงก็ไม่รู้ เราก็เลยถามจอยส์ว่าที่คานาดาเป็นประเทศที่น่าอยู่มากมีทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเล มหาสมุทร ทำไมคนที่นี่ถึงยังอยากไปเที่ยวเมืองไทย ทั้ง ๆ ที่ไกลมาก จอยส์ก็บอกมันไม่เหมือนกัน เมืองไทยแตกต่างจากที่นี่ ทุกคนก็เลยอยากไปเที่ยว และใครที่ไปก็ชอบทุกคน